Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า คุณกำลังใช้ชีวิตได้อย่าง “ ถูกต้อง “ อยู่หรือเปล่า ?
“การใช้ชีวิต” เป็นหัวข้อที่เรียกได้ว่า พื้นฐานที่สุด และในขณะเดียวกันก็ลึกซึ้งที่สุด เพราะทุกคนที่ล้วนจะต้องใช้ชีวิตเหมือนกันทั้งนั้น และทุกคนให้ความหมายของการใช้ชีวิตต่างกันในหลากหลายบริบท ซึ่งความแตกต่างนี้มีเยอะมากเสียจนไม่สามารถยกเป็นหัวข้อมาเรียบเรียงได้หมด ด้วยประชากรในโลก 7,800 ล้านคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากจะบอกว่ามีรูปแบบการ “ใช้ชีวิต” ที่แตกต่างกันหลายล้านรูปแบบ
เพราะชีวิตเรามีเพียงครั้งเดียว จึงเป็นปกติที่ทุกคนจะขวนขวายหาสิ่งที่คิดว่า “ ดีที่สุด “ ให้ตัวเอง เพื่อทำให้ชีวิตนี้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด ทำให้เทรนในการค้นหาตัวเอง และการพัฒนาตัวเองเป็นสิ่งที่หลายคนในปัจจุบัน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ กำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ผู้คนเริ่มมองหาช่องทางใหม่ ๆ ในการใช้ชีวิตของตัวเอง และเมื่อมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นในสังคม บรรทัดฐานในการอยู่ร่วมกันในแต่ละสังคมก็ย่อมจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย และแน่นอนว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ย่อมต้องมีความคิดเห็นเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ เกิดขึ้น และเมื่อความคิดเห็น ไม่ได้มาจากคนเพียงคนเดียว ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป
สิ่งที่ทำให้ความคิดเห็นเหล่านั้นแตกต่างกันออกไปก็คือ “ ประสบการณ์ในอดีต “ ซึ่งประสบการณ์ที่แต่ละคนเคยพบเจอมาก็ย่อมจะแตกต่างกันออกไป คนต่างอายุ ต่าง Generation กัน เติบโตมาในสภาพสังคมที่แตกต่างกัน มุมมองที่เห็นเหตุการณ์อย่างเดียวกันก็แตกต่างกันออกไป หรือต่อให้เป็นคนใน Generation เดียวกัน แต่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ก็ย่อมจะมีมุมมองต่อเหตุการณ์บางอย่างนั้น แตกต่างกันออกไปเช่นเดียวกัน และความแตกต่างที่มากมายนับไม่ถ้วนเหล่านี้แหละ เป็นสิ่งที่จุดประกายให้หลาย ๆ คนหันกลับมาคิดกับตัวเองว่า “แล้วสิ่งที่ฉันทำอยู่ตอนนี้ มันถูกต้องหรือยัง ?”

ความถูกต้อง คืออะไร ?
ก่อนอื่นเลย คุณลองถามตัวเองก่อนว่า “ ความถูกต้อง “ คืออะไร ? แน่นอนว่าคำตอบของทุกคน ย่อมจะไม่เหมือนกันอยู่แล้ว “ ความถูกต้อง “ ของใครบางคน อาจจะไม่ใช่ “ ความถูกต้อง “ ของอีกหนึ่งคนก็เป็นได้ ลองมาดูตัวอย่างของ “ ความถูกต้อง “ ที่หลายคนมีความเห็นไม่ตรงกันดีกว่า หัวข้อที่จะนำมายกตัวอย่างก็คือเรื่อง “ เพศ “ ซึ่งสิ่งที่ทุกคนบนโลกเข้าใจก็คือ มนุษย์เพศชาย จะต้องคู่กับมนุษย์เพศหญิง เพื่อสืบพันธ์ และรักษาเผ่าพันธ์มนุษย์เอาไว้ แต่ก็อย่างที่ทุกคนเห็นในปัจจุบัน ที่มีเพศทางเลือกเกิดขึ้นมา มนุษย์เพศชายสองคน หรือจะเป็นมนุษย์เพศหญิงสองคน มีความรักให้กัน และตัดสินใจจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันไปจนวันตาย แน่นอนว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาในสังคม จะต้องมีคนที่ “ ไม่เห็นด้วย “ และให้ความหมายของการใช้ชีวิตเหล่านี้ว่า “ ไม่ถูกต้อง “ เกิดขึ้นมาเหมือนกัน และคำถามที่เกิดขึ้นมาก็คือ เพราะอะไร ถึง “ ไม่ถูกต้อง “
เรื่องนี้อาจจะไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่นักในสังคมไทยที่ยอมรับเพศทางเลือกกันอย่างกว้างขวาง แต่ในประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศฝั่งตะวันตกหลายประเทศยังไม่ยอมรับในเรื่องนี้ ซึ่งคำตอบที่เห็นได้ชัดจากกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วย คือ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ธรรมชาติสร้างมา ธรรมชาติสร้างมาให้มนุษย์เพศผู้มีอสุจิ และมนุษย์เพศหญิงมารังไข่ สองสิ่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างและดำรงเผ่าพันธ์มนุษย์เอาไว้ เพราะชีวิตทุกชีวิตที่เกิดขึ้นมาบนโลกถูกออกแบบมาให้มีชีวิตรอดและดำรงเผ่าพันธ์ ดังนั้นความรักของเพศเดียวกันจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้
จึงเป็นเรื่องที่ทำให้ฉุกคิดต่อขึ้นมาว่า แล้วเราจำเป็นจะต้องใช้งานทุกอย่างมาตามที่ถูกออกแบบมาอย่างงั้นหรือ ? การไม่ใช้งานบางสิ่งบางอย่างในจุดประสงค์ที่ถูกสร้างขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องไม่ถูกต้องในทันที ถ้างั้นการเอากุญแจรถยนต์ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้กับรถยนต์ มากรีดเทปเวลาแกะกล่องพัสดุก็เป็นเรื่องที่ผิด อย่างงั้นหรือ ? แล้วถ้าหากว่าการให้กำเนิดทารกเป็น “ หน้าที่ “ ของมนุษย์ ทำไมยังเจอกับปัญหาเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ทำไมทุกคนถึงมองว่าเรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทั้ง ๆ ที่เหตุผลข้างต้นบอกชัดเจนว่า นั่นคือการทำ “ หน้าที่ “ ของพวกเขา แล้วปัจจัยที่จะทำให้ประชากรมนุษย์บนโลกลดลง จะเกิดขึ้นเพราะมีเพศทางเลือกเกิดขึ้นมาจริง ๆ หรือ ? แล้วแบบนี้ จะถือว่าคู่แต่งงานที่เป็นมนุษย์เพศชาย และมนุษย์เพศหญิง ที่ตัดสินใจว่าจะไม่มีบุตรร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใด ๆ ก็ตาม เป็นเรื่องผิดไหม ในเมื่อพวกเขาไม่ได้ทำ “ หน้าที่ “ ของมนุษย์
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ความเห็นเพียงอย่างเดียว ของคนกลุ่มเดียว ที่บอกว่าการรักร่วมเพศเป็นเรื่องผิด ทำให้เกิดคำถามต่อมาได้อีกมากมายนับไม่ถ้วน และสิ่งที่น่าสนใจก็คือ คำถามนับล้านที่เกิดขึ้น ก็ไม่สามารถนับมาเป็นบรรรทัดฐานในการตัดสินได้อยู่ดีว่า “ ความถูกต้อง “ คืออะไร
เพราะบนโลกใบนี้ ไม่มีความถูกผิดอะไรทั้งสิ้น ทั้งหมดล้วนแต่เป็นสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นมาทั้งนั้น
ทุกคนอ่านไม่ผิดแน่นอน โลกนี้ไม่มีศูนย์กลางที่จะตัดสินว่าอะไรถูก อะไรผิด สิ่งเดียวที่จะตัดสินได้ว่าถูกหรือผิด ก็คือตัวคุณเอง ตัดสินตัวเองเท่านั้น คุณไม่สามารถตัดสินคนอื่นได้ และคนอื่นก็ไม่สามารถจะมาตัดสินคุณได้เช่นเดียวกัน

กรอบสังคมที่ตัดสินความผิดถูก
หากได้ลองสังเกตกันดี ๆ ความ “ ผิดถูก “ ของแต่ละคน ส่วนใหญ่จะมาจากค่านิยม และสภาพแวดล้อมในสังคมที่เติบโตมา ตัวอย่างเช่น เด็กบางคนโตมาในบ้านที่คุณพ่อคุณแม่ทำงานเวลากลางวัน เข้างานตอนเช้า เลิกงานตอนเย็น สภาพสังคมที่พวกเขาเจอก็คือ ผู้ใหญ่ใช้ชีวิตเวลากลางวัน ตื่นเช้า นอนค่ำ นี่เป็นเรื่อง “ ปกติ “ ที่พวกเขาพบเจอ แต่ก็ยังมีเด็กบางคนที่โตมาในบ้านที่คุณพ่อคุณแม่ทำงานกับชาวต่างชาติ ทำงานกับคนที่อยู่คนละ Time zone กัน ทำให้พวกเขาเห็นว่าผู้ใหญ่นอนแทบจะเช้ามืด ตื่นบ่ายเกือบจะเย็น เป็นเรื่อง “ ปกติ “ ของพวกเขา และด้วยความ “ ปกติ “ ที่แตกต่างกันของสองครอบครัวนี้ เมื่อเด็กทั้งสองคนคุยกัน ทั้งคู่ย่อมตกใจกับเรื่องทีเกิดขึ้นกับอีกฝั่งแน่นอน คนแรกบอกว่า ปิดเทอมตื่นสายไม่ได้ จะโดนว่าเอา คนที่สองที่แทบจะไม่โดนว่าเลย เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็นอนไม่ได้เป็นเวลาเหมือนกันก็อาจจะงง ๆ ว่า แค่ตื่นไม่เป็นเวลาทำไมถึงเป็นเรื่องใหญ่ นั่นเป็นเพราะว่าสภาพแวดล้อมที่เติบโตมาแตกต่างกัน
ซึ่งเมื่อมีการอยู่ร่วมกันของมนุษย์หลายคน นั่นหมายความว่ามีความแตกต่างหลายรูปแบบมาอยู่ร่วมกัน และถ้าหากว่าปล่อยให้ทุกคนทำตามใจตัวเอง 100% ปัญหาจะเกิดขึ้นแน่นอน จึงทำให้เกิดการวางกรอบและกฏเกณฑ์ในสังคมขึ้นมา เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยที่ไม่สร้างปัญหาเบียดเบียนกัน และแน่นอนว่า กรอบสังคมที่แตกต่างกัน ย่อมมีกฏเกณฑ์ที่แตกต่างกัน ยกตัวเองกีฬา ฟุตบอล และบาสเก็ตบอล ทั้งสองชนิดเป็นกีฬาที่มีอุปกรณ์หลักคือลูกบอล และมีเงื่อนไขในการชนะคือการ “ทำแต้ม” ในจุดที่กำหนดเอาไว้ทั้งคู่ แต่กฏในการเล่นกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฟุตบอลออกกฏว่าห้ามให้มือโดนบอล ถ้าหากว่าไม่ใช่ผู้รักษาประตู ให้ใช้เท้าเล่นเป็นหลัก ศีรษะหรืออกสามารถใช้ได้ แต่ในทางกลับกัน บาสเก็ตบอล มีกฏว่าห้ามให้เท้าเล่น ให้ใช้มือเป็นหลัก
ลองคิดดูว่า ถ้าหากคุณเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอล แต่อยากจะใช้เท้าเล่น แล้วคุณไปโวยวายกับสมาคมบาสโลกว่าทำไมคุณถึงใช้เท้าเล่นไม่ได้ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมสักเท่าไหร่นัก เพราะกรอบและกฏเกณฑ์ของสังคมในกีฬาประเภทนี้ได้กำหนดเอาไว้แล้วว่า การใช้เท้าเล่นเป็นเรื่อง “ผิด” คุณที่อยู่ในสังคมนั้นก็ควรที่จะเคารพและทำตามกฏที่วางเอาไว้ เพราะถ้าคุณทำตามกฏที่วางไว้ไม่ได้ คุณก็จะไม่สามารถอยู่ร่วมกันผู้อื่นในสังคมนั้น ๆ ได้
กรอบของสังคมก็ไม่ได้มีเพียงแค่กฏเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรเพียงอย่างเดียว กรอบของสังคมยังมีเรื่องของค่านิยมที่แตกต่างกันออกไป ลองสังเกตธรรมเนียมการทักทายในแต่ละประเทศกัน ในไทยเราจะใช้การยกมือไหว้สวัสดีกัน การทักทายแบบอเมริกันจะใช้การจับมือกันด้วยมือขวา หรือสวมกอดกัน และการทักทายกันของชาวฝรั่งเศสคือการ Bise (Faire la bise) หรือการนำแก้มไปชนกันแล้วทำเสียงจุ๊บเล็กน้อยเป็นสัญญาณ ลองพิจารณาดูว่า ถ้าหากเราเอาวัฒนธรรมการทักทายของชาวฝรั่งเศสมาใช้ในบ้านเรา จะต้องดูเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมไม่ดีงามในสายตาของคนหมู่มากอย่างแน่นอน ทั้ง ๆ ที่ถ้าหากคุณมองเห็นชาวฝรั่งเศสทักทายกันในประเทศของพวกเขาก็ดูจะเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนไม่ได้สนใจอะไรกันขนาดนั้น และในขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าคุณไปทักทายชาวฝรั่งเศสด้วยการสวมกอด พวกเขาอาจจะตกใจและผลักคุณออกมาเลยก็ได้ เพราะสำหรับชาวฝรั่งเศส การกอดจะเกิดขึ้นแค่กับคนในครอบครัว และคู่รักเท่านั้น ในขณะที่ในไทยเราอาจจะเห็นเพื่อนกัน หรือคนสนิทกอดกันได้แบบที่ไม่ได้ดูเป็นเรื่องใหญ่เท่ากับการ Bise กัน และเช่นเดียวกัน ชาวตะวันตกอาจจะงง ๆ กับการทักทายของเราว่า การทักทายของพวกยูนี่ มันไม่แตะเนื้อต้องตัวกันเลยหรอ พวกยูรังเกียจกันรึเปล่า ?
จะเห็นได้ว่า การทักทาย ไม่ได้ถูกเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ในระเบียบข้อบังคับว่า ประเทศนี้ จะต้องใช้การทักทายแบบนี้เท่านั้น แต่การทักทายก็ถือว่าเป็นการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอย่างหนึ่ง ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในแต่ละประเทศก็แตกต่างกันไป เหมือนกับที่ฝรั่งเศสโอเคกับการ Bise หรือหอมแก้ม แต่ไม่โอเคกับการกอด ส่วนคนไทยก็อาจจะปรับตัวได้กับการทักทายด้วยการกอดแบบอเมริกัน แต่หลายคนอาจจะทำใจลำบากที่จะทักทายแบบฝรั่งเศส หรือบางคนก็อาจจะอยากทักทายแบบฝรั่งเศสกับคนที่เราชอบก็ได้ แต่ความเสี่ยงที่คุณจะต้องแบกรับไว้เมื่อตัดสินใจทักทายแบบนั้นกับคนที่คุณชอบก็อาจจะสูงไปสักหน่อย
ทั้งหมดทั้งมวลที่พูดมา ความหมายสั้น ๆ ที่อยากจะชี้ให้เห็นก็คือ ทั้งโลก ไม่มีอะไรถูก ไม่มีอะไรผิด มีเพียงแค่การกระทำ และผลลัพธ์ที่ตามมาจากการกระทำเท่านั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณพาตัวเองไปอยู่ในสังคมที่มีกรอบและกฏเกณฑ์แบบไหน คุณเอาตัวเองไปอยู่ฝรั่งเศส คุณทักทายกันด้วยการหอมแก้ม คุณจะได้สัมพันธไมตรีที่ดีกลับมา แต่ถ้าคุณมาหอมแก้มทักทายที่ไทย คุณอาจจะโดนแจ้งความข้อหาลวนลามทางเพศก็ได้ เพราะฉะนั้น “ การใช้ชีวิตที่ถูกต้อง “ คือการทำในสิ่งที่คุณมีความสุข ทำเรื่องที่คุณอยากจะทำ เดินในทางที่คุณอยากจะเดินอย่างมีสติ โดยที่คงไว้ซึ่งความเคารพในกรอบสังคม และไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line : @LifeEnricher
Facebook: TheLifeEnricher
โทร: 02-017-2758, 094-686-6599