
12 เทคนิคง่ายๆ เพื่อให้นอนหลับสบาย
เชื่อว่าหลายๆคนมีกิจกรรมมากมายให้ทำ หรือจำเป็นต้องรับผิดชอบในหนึ่งวัน มีเรื่องต้องคิด มีเรื่องต้องตัดสินใจ มีปัญหาให้แก้ ฯลฯ กิจกรรมเหล่านี้เมื่อทำซ้ำไปซ้ำมา หลายวัน หลายเดือน หรือหลายปี จะสังเกตได้ว่ามีบางวันที่รู้สึกทำอะไรก็เหนื่อยไปหมด ทำอะไรก็ไม่ค่อยมีสมาธิ สมองไม่แล่น นานๆทีอาจจะไม่มีปัญหา ทุกคนก็มี Bad day กันเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ามันไม่ใช่นานๆที บางคนเป็นบ่อยถึงขั้นอาทิตย์ละครั้ง หนักๆเข้าคือสองวันครั้ง นั่นจะทำให้ Productivity ในแต่ละวันของคุณลดลงอย่างแน่นอน
หากคุณคือหนึ่งในคนที่มีปัญหาเหล่านี้ คุณอาจจะต้องให้ความสนใจกับการพักผ่อนมากขึ้น และการพักผ่อนที่จะกล่าวถึงในที่นี้ ก็คือคือ “การนอน“ เพราะถ้าคุณพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) สูงกว่าปกติซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบทางลบกับร่างกายหลายรูปแบบ เช่น ในไขมันสะสมที่หน้าท้อง หัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้มีความเสีย่งในการเกิดความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้ออ่อนแรง เกิดอาการฟกช้ำได้ง่ายและฟื้นฟูได้ช้า เกิดสิว อารมณ์แปรปรวน ปวดหัว ฯลฯ
เมื่อเห็นผลเสียจากการพักผ่อนไม่เพียงพอแล้ว การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ก็เหมือนเป็นยาวิเศษอย่างหนึ่งที่นอกจากจะทำให้คุณออกห่างจากอาการข้างต้นทั้งหมดได้แล้ว คุณจะรู้สึกตัวได้ทันทีหากวันไหนคุณนอนหลับเต็มอื่ม คุณจะตื่นมาสดชื่น รู้สึกกระปริ้กระเปร่า พร้อมจะจัดการกับกิจกรรมหรือหน้าที่ต่างๆที่รอคุณอยู่ในวันนั้นอย่างเต็มที่ ดังนั้นในบทความนี้จะแนะนำ 12 เทคนิค ที่คุณสามารถเลือกนำไปปรับใช้ ให้ได้การพักผ่อนที่มีคุณภาพ
1. Bed time ritual
ถ้าแปลตรงตัวว่าพิธีกรรมในการนอนอาจจะดูน่าขนลุกไปสักหน่อย แต่ในความหมายของมันคือ การมีพฤติกรรมบางอย่างที่สอดคล้องกับพฤติกรรมอีกอย่าง เช่น เวลาตื่นนอนจะหยิบมือถือขึ้นมาเชคก่อนเป็นอันดับแรก หรือกิจกรรมใหม่ที่หลายคนปรับตัวในช่วงวิกฤตการณ์ COVID-19 คือ เมื่อกลับถึงบ้านจะต้องล้างมือก่อนเป็นอันดับแรก กิจกรรมเหล่านี้เป็นเหมือนตัวกระตุ้นที่ถูกโปรแกรมไว้กับร่างกายเราว่า เมื่อทำสิ่งนี้เสร็จแล้ว ต้องจัดการสิ่งนั้นต่อ ซึ่งถ้าหากว่าลองนำมาปรับใช้กับการพักผ่อนจะสังเกตได้ว่าหลายๆคนจะมีวิธีในการในการพักผ่อนกันอยู่แล้ว ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป บางคนจะรู้สึกง่วงทันที ถ้าได้อ่านหนังสือ บางคนถ้าได้นวดผ่อนคลายแล้วรู้สึกเหมือนจะหลับคามือหมอนวดไปเลย หรือบางคนจะรู้สึกอ่อนเพลีย พร้อมจะนอนหลังจากที่ได้อาบน้ำอุ่น ซึ่งหากสังเกตแล้ว กิจกรรมเหล่านี้ล้วนแต่เป็นกิจกรรมผ่อนคลายที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมายนัก ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและหลับไปในที่สุด ดังนั้น ถ้าคุณลองหา”พิธีกรรรม” ก่อนนอนเหล่านี้ได้ เชื่อว่าการพักผ่อนของคุณจะดีขึ้นมากเลยทีเดียว

2. นอน/ตื่น เป็นเวลา
การนอนและตื่นให้เป็นเวลา จะทำให้ร่างกายเกิดความเคยชิน และความเคยชินเหล่านั้น เกิดจาก ฮอร์โมน Melatonin ที่เป็นฮอร์โมนทีช่วยทำให้นอนหลับและ ส่งเสริมการพักผ่อน ซึ่งแต่ละคนที่มีปัญหาการนอนหรือตื่นไม่เป็นเวลาก็จะมีปัญหาแตกต่างกันออกไป ปัญหาที่สามารถแยกออกมาได้อย่างชัดเจนสามแบบคือ
2.1. นอนไม่เป็นเวลาเพราะนอนดึก ทำให้ตื่นตามเวลาที่ต้องการได้ยาก
ส่วนมากแล้วอาการนี้จะเกิดกับคนที่นอนยาก หรือคนที่ฝืนนอนดึกจนชิน ทำให้เกิดอาการที่จะนอนหลับไม่ได้จนกว่าจะง่วงจัดๆเท่านั้น วิธีการแก้ปัญหาง่ายๆคือ ให้ฝืนตื่นในเวลาที่ตัวเองกำหนดไว้ แน่นอนว่าในวันนั้นอาจจะง่วงไปทั้งวัน แต่ถ้าลองเปรียบเทียบดู หนึ่งวันที่อ่อนเพลีย แลกกับอนาคตที่จะสดชื่นตลอดไปก็ดูจะไม่แย่นัก
2.2. นอนไม่เป็นเวลาเพราะนอนเร็ว ทำให้ตื่นเร็วเกินจำเป็นมากๆ และมีปัญหากับกิจกรรมช่วงท้ายๆของวัน
ในกรณีนี้อาจจะต้องทำสิ่งตรงกันข้ามกับบทความนี้ทั้งหมด วิธีที่ง่ายที่สุดคืออยู่ในที่ๆมีแสงจ้ามากๆ (10,000 Lux) ในช่วงเย็น เป็นเวลาสัก 30-45 นาที จะมีส่วนช่วยให้อาการง่วงในตอนหัวค่ำน้อยลง
2.3. นอนและตื่นไม่เป็นเวลาทั้งสองอย่าง
ส่วนใหญ่ในกรณีนี้ จะเกิดขึ้นกับกลุ่มคนที่ทำงานเป็นกะเวลา และช่วงเวลาเหล่านี้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา วิธีแก้ปัญหาที่น่าจะเหมาะสมที่สุดคือ การจัดบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการนอนหลับที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ น ปิดไฟให้สนิท ออกห่างจากอุปกรณ์อีเลคโทรนิค ฯลฯ ในส่วนของรายละเอียดต่างๆจะกล่าวถึงในหัวข้ออื่นๆในบทความ
3.จัดบรรยากาศรอบข้างให้เหมาะสมกับการนอน
บรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการนอน มีอยู่ 4 องค์ประกอบใหญ่ๆ คือ แสง เสียง สัมผัส และอุณหภูมิ ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล
3.1. แสง
ในห้องนอน ควรจะเป็นห้องที่มืดสนิท หรือหากไม่สามารถทำให้ห้องมือสนิทได้ ก็สามารถใช้ผ้าปิดตาช่วยได้เช่นกัน เพราะว่าฮอร์โมน Melatonin ที่ทำให้ง่วงและพักผ่อนได้ดีนั้นหลั่งออกมาเมื่อไม่มีแสงตกกระทบ
3.2.เสียง
แน่นอนว่า สภาพแลดล้อมการนอนที่เงียบสนิท เป็นทางเลือกที่ดี แต่งานวิจัยก็พบว่า เสียงบางประเภท ส่งผลให้พักผ่อนได้ดีขึ้นจริง ซึ่งจะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไปของบทความ
3.3.สัมผัส
ในที่นี้หมายถึงความสบายตัวในการนอนโดนรวมตั้งแต่ ความสบายของชุดนอนที่สวมแล้วไม่อึดอัด ความเหมาะสมของเตียงและหมอนที่รับกับสีรระรูปร่าง จะทำให้ผ่อนคลายและหลับสนิทขึ้น อีกทั้งยังทำให้ตื่นขึ้นมาสดชื่น และลดอาการปวดเมื่อยตัวอีกด้วย
3.4.อุณหภูมิ
ในส่วนนี้หมายถึงอุณหภูมิห้องที่เหมาะสม ไม่ร้อน ไม่เย็นจนเกินไป และหมายรวมถึงอุณหภูมิในร่างกายด้วย ซึ่งอุณหภูมิในร่างกายนี้หมายถึงการทำงานของร่างกาย ถ้าร่างกายทำงานหนักก็จะเกิดอุณหภูมิสูง เช่น การออกกำลังกาย ถึงจะเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ควรจะออกกำลังกายใกล้กับเวลานอนมากจนเกินไป เพราะเมื่ออกกำลังกายเสร็จหัวใจเราจะเต้นแรงไประยะหนึ่ง ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการออกกำลังกายก็ต้องใช้เวลา Cool down เพื่อให้เย็นลง ไหนจะเรื่องเหงื่อที่เหนียวเหนอะหนะ ทำให้สัมผัสในการนอนไม่สบายอีกด้วย
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นคือ การกิน เพราะเมื่อเราทานอาหาร ร่างกายจำเป็นจะต้องย่อยอาหารที่เราทานเข้าไป และกระบวนการย่อยอาหารนี้จะกำให้อุณหภูมิสูงขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่สูงจนสามารถสัมผัสได้ด้วยความรู้สึก แต่จะมีผลทำให้หลับไม่ลึกพอ หรือหลับไม่สนิท จึงแนะนำให้เว้นระยะเวลาระหว่างการทานอาหารกับเวลานอนอย่างน้อย 3 ชม.

4. อย่าตั้งนาฬิกาที่มีแสงไว้ในจุดที่คุณมองเห็นจากบนเตียง
ถึงแม้ว่าปัญหาเรื่องแสงอาจจะไม่รุนแรงเท่าไหร่นัก เพราะนาฬิกาส่วนมากจะไม่ได้มีแสงจ้ามาก แต่ การมองเห็นเวลาอยู่ตลอดเวลาจะทำให้เราจดจ่อกับมันมากเกินไป ทำให้สมองยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง สงผลให้ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ อีกทั้งยังทำให้เกิดความเครียดมากขึ้นด้วย สำหรับบางคนที่รู้สึกไม่พอใจกับพฤติกรรมการนอนของตัวเอง การเห็นเวลาที่ดึกขึ้นเรื่อยๆโดยที่ตัวเองยังไม่หลับ จะยิ่งทำให้เครียดมากขึ้นเรื่อยๆด้วย ดังนั้นหากมีนาฬิกา Digital แนะนำให้วางไว้ในจุดที่มองไม่เห็นจากบนที่นอนจะดีที่สุด
5. ดึงปลั๊กไฟออกให้หมด
การดึงปลั๊กไฟก็คือการตัดเทคโนโลยีออกจากความคิดเราในก่อนจะนอนนั่นเอง เพราะในยุคสมัยนี้การนำอุปกรณ์จำพวก คอมพิวเตอร์ ,Smart phone ,Tablet , TV ตั้งไว้หรือเข้าไปในห้องนอนเป็นเรื่องปกติ ถ้านอนไม่หลับก็คงอดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือขึ้นมาเช็ค หรือหยิบรีโมทขึ้นมาเปิด TV ดู การดึงปลั๊กก็เหมือนเป็นการเพิ่มความยากในการเปิดใช้งานอุปกรณ์เหล่านั้นในอีกทางหนึ่งนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม หลายๆท่านที่อยู่ในคอนโดแล้วมีตู้เย็นใกล้ๆกับที่นอนก็ยังสามารถเสียบปลั๊กตุ้เย็นไว้ได้อยู่นะ
6. นวดนิ้ว / นวดมือ
นอกจากการนวดตัวที่หลายๆคนคุ้นเคยกันดี และใช้บริการกันบ่อยครั้ง การนวดที่ให้ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือ การนวดมือ / นวดนิ้ว เพราะว่ามือและนิ้วของเรา มีเส้นเลือดและเส้นประสาทอยู่มากพอสมควร ดังนั้นการนวดที่ส่งผลให้เส้นประสาทคลายและเลือกไหลเวียนได้ดี จึงมีผลทำให้ผ่อนคลาย และมีงานวิจัยออกมาว่าการนวดมือที่ดีทำให้สามารถนอนหลับได้สนิทมากขึ้นด้วย
7. จัดเวลาของการนอนให้เหมาะสม
เป็นที่ทราบกันดีว่า การนอนพักผ่อนที่มีคุณภาพ ควรจะมีระยะเวลาประมาณ 6-8 ชม. ต่อวัน แต่ในบางครั้ง หลายๆคนอาจจะเคยเจอเหตุการณ์ที่นอนในเวลาที่เหมาะสมนี้ แต่ยังคงตื่นมาแล้วง่วงเพลียอยู่ สาเหตุใหญ่ๆของอาการนี้เป็นได้สองกรณีคือ
- การนอน 6-8 ชม. นั้นไม่มีคุณภาพ ด้วยเรื่องสภาพแวดล้อมการนอน แสง เสียง สัมผัส อุณหภูมิ ไม่เหมาะสม ทำให้ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่
- นอนไม่ครบรอบ Sleep Cycle ซึ่ง Sleep Cycle ที่ว่านี้คือ Stage ต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำๆในร่างกายในระหว่างพักผ่อน หรือก็คือวงจรของการพักผ่อนนั่นเอง ในแต่ละ Cycle จะมีทั้งหมด 5 ระดับในการทำงาน และจะกินเวลาประมาณ 90 นาที (อ้างอิงจาก Nathaniel Kleitman ในช่วงปี 1963)
แต่อย่างไรก็ตามร่างกายของคนเราไม่เหมือนกันไปเสียทุกคน ดังนั้นแต่ละคนอาจจะมีระยะเวลาต่อหนึ่ง Cycle ต่างกัน ซึ่งจะอยู่ที่ราวๆ 80-120 นาที ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แต่ละคนจะมี Sweet spot ในการนอนต่างกัน สำหรับบางคนการพักผ่อน 6 ชม. ก็เพียงพอและสดชื่น ในขณะที่คนอื่นๆอาจจะอยู่ที่ 7 ชม. 8 ชม. ฯลฯ ดังนั้นให้ลองสังเกตตัวเองดูว่าระยะเวลาในการพักผ่อนประมาณไหนที่เหมาะสมกับตัวเรา
8. เสียงเพลงในระหว่างการนอน
“เสียงดนตรี” เป็นสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเราในชีวิตประจำวัน เพราะหลายๆคนมักจะชอบให้มีเสียงดนตรีเหล่านี้เมื่อประกอบกิจกรรมต่างๆ เช่น แฟนบอลเวลาเชียร์บอลก็ร้องเพลงประจำทีมกัน บางคนออกกำลังกายก็ต้องฟังเพลงกระตุ้นเรียกแรง แม่บ้านหรือพนักงานบริษัทก็ชอบฟังเพลงเพลินๆระหว่างทำงานเพื่อให้มีสมาธิ รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริการส่วนใหญ่ หรือสถานที่รวมตัวของผู้คน เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร หรือภัตตาคารหรู ร้านหนังสือ สถานที่เที่ยวกลางคืน โรงแรม ห้องสมุด ซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวอย่างเพียงเล็กน้อยที่กล่าวมานี้มีบริบทที่ต่างกันออกไป และเลือกใข้เสียงดนตรีให้เหมาะสมกับบริบทของตัวเอง
การที่ดนตรีมีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขนาดนี้ เพราะ “เสียงดนตรี มีผลกับสภาวะอารมณ์ของเรา” ซึ่งมีการสำรวจและงานวิจัยจากหลายแห่งเห็นด้วยกับทฤษฎีนี้ สาเหตุที่ดนตรีมีผลกับอารมณ์ของเรา เพราะว่า เสียงดนตรีนั้นมีผลกับคลื่นสมอง ของเราค่อนข้างมาก และมีผลทำให้หัวใจเราเต้นเร็วขึ้นหรือช้าลงอีกด้วย หลายคนอาจจะสังเกตกับตัวเองได้ชัดๆเลยว่า เพลงช้าๆหรือเพลงเศร้าส่วนใหญ่จะไม่ทำให้เราเต้นสนุกได้เต็มที่เหมือนเพลงที่จังหวะเร็วๆ และเหตุผลส่วนใหญ่อาจจะเป็นเพราะว่า “ก็มู้ดมันไม่ได้”
ถึงแม้ว่าจะมีการแนะนำให้ถอดปลั๊ก เอาเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ออกให้ห่างตัวระหว่างนอน แต่ถ้าจะมีข้อยกเว้นก็คือการฟังเพลงนั่นเอง เพราะมีงานวิจัยออกมาว่า หากเราฟังดนตรีหรือเพลงที่มี BPM (Beat per minute) อยู่ที่ราวๆ 60-80 BPM (สามารถ Google ได้ง่ายๆด้วย Key word Depp sleep music) ซึ่งเป็นความเร็วที่ใกล้เคียงกับการเต้นของหัวใจในขณะที่กำลังพักผ่อนอยู่ ทำให้เราสามารถนอนหลับได้เร็วขึ้น และในระหว่างที่นอนก็จะทำให้หลับลึกขึ้นนั่นเอง
9. ลดความเครียด
ทุกคนคงจะเคยเจอเหตุการณ์นอนไม่หลับ หรือบางคนหลับไม่สนิทสะดุ้งตื่นง่ายอีกด้วย เพราะ “เครียด” และเมื่อเครียด ก็ทำให้เราคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยไม่รู้จบ ซึ่งเหตุผลที่เรานอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท ก็เพราะสมองเรายังทำงานหนักอยู่นั่นเอง ดังนั้นการลดความเครียด จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้นอนหลับขึ้นง่ายมาก และการลดความเครียดถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับหลายๆคน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินกำลังมากจนเกินไป
หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดคือ การบริหาร EQ ของเรานี่เองซึ่งถ้าหากสนใจ เรามีบทความที่เกี่ยวกับการจัดการอารมณ์ของตัวเอง (Cognitive behavioral Therapy) สรุปสั้นๆจากบทความนี้คือ การฝึกความสามารถในการรับรู้ และรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองด้วย 4 เทคนิคง่ายๆ คือ
1.หาเหตุการณ์ : เหตุการณ์ไหนที่ทำให้เราเครียด
2.วิเคราะห์ : ลองพิจารณาดูว่าในเหตุการณ์นั้น มีอารมณ์อะไรซ่อนอยู่ในนั้น
3.ให้คะแนน : หลังจากที่รู้แล้วว่าอารมณ์ในตอนนั้นคืออะไร ลองให้คะแนนความเข้มข้นของอารมณ์นั้นดู
4.ทบทวน : เมื่อเรามั่นใจว่าเหตุการณ์อะไร ทำให้เกิดอารมณ์ใด และมันรุนแรงแค่ไหน สุดท้ายคือทบทวนด้วยคำถามง่ายๆว่า “ฉันคิดอะไรอยู่”
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่านี่เป็นเพียงการสรุปสั้นๆ หากท่านใดสนใจ ลองไปอ่านบทความ “การควบคุมอารมณ์ในสภาวะที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงด้วย Cognitive behavioral therapy ซึ่งจะพูดถึงรายละเอียดมากขึ้น
10. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
จริงๆแล้วการออกกำลังกายและการนอน เป็นสองเรื่องที่ต้องทำคู่กัน และสนับสนุนซึ่งกันและกัน ถ้าคุณปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายแทบทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ต้องพักผ่อนเยอะๆนะ ถึงจะสามารถออกกำลังกายได้เต็มที่” และในขณะเดียวกัน “การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็ช่วยให้นอนได้ดีขึ้นอีกด้วย” ทั้งนี้เพราะว่าฮอร์โมน เป็นเหตุผลส่วนที่ทำให้ร่างกายเราทำงาน และตอบสนองต่อสิ่งต่างๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการออกกำลังกายที่เหมาะสมจะทำให้ร่างกาย

หลั่งฮอร์โมนต่างๆที่ช่วยลดความเครียด เช่น Testosterone ที่ทำงานสวนกับ Cortisol ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด และ Endorphins ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เราสดใสและสดชื่นมากขึ้นอีกด้วย
การออกกำลังกายที่มีผลช่วยให้การพักผ่อนดีขึ้น คือการออกกำลังกายแบบ aerobic หรือก็คือการออกกำลังกายที่หัวใจเต้นรัวกว่าปกติในระดับนึงอย่างต่อเนื่อง เช่น การวิ่งจ๊อกกิ้ง เล่นกีฬา ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก ส่วนระยะเวลาที่แนะนำคือ 150 นาที ต่อสัปดาห์ หรือเฉลี่ย 30 นาทีต่อวัน และทำ 5 วันต่อสัปดาห์ ถ้าหากท่านใดเห็นว่าระยะเวลาเท่านี้ไม่ท้าทายพอ จะทำต่อเนื่องนานขึ้นก็ได้ หรือจะทำบ่อยขึ้นเป็น 6 หรือ 7 วันก็ได้
11. นั่งสมาธิ
การทำสมาธิ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเคลียสมองจากเหตุการณ์รอบตัวได้ ซึ่งการนั่งสมาธิก็ไม่จำเป็นจะต้องนั่งอยู่เสมอไป เพียงแค่คุณหลับตาลง ตั้งสติอยู่กับลมหายใจของตัวเอง หายใจเข้าออกช้าๆ รับรู้ตลลอดเวลาว่ากำลังหายใจเข้า-ออกอยู่ เมื่อมีความคิดแทรกขึ้นมา ให้ดึงตัวเองกลับเข้ามาอยู่ที่ลมหายใจของตัวเอง จะทำให้คุณหยุดคิด และมีสติมากขึ้น เบื้องต้นสำหรับคนที่ไม่เคยทำสมาธิมาก่อน ให้ลองค่อยๆทำทีละนิด และเพิ่มเวลามากขึ้น อาจจะเริ่มที่ 5-10 นาทีในช่วงวันแรกๆ และค่อยๆพัฒนาเป็น 15-20 นาที บางคนอาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนสามารถทำสมาธิยาวนานหลักชั่วโมงได้เลยทีเดียว
12.งดแอลกอฮอล์
ถึงแม้ว่าแอลกอฮอล์จะทำให้หลายๆท่านประสบเหตุการณ์ “ภาพตัด” หรือก็คือการเมาหนักจนหมดสติสลบไปเฉยๆ แต่อย่าให้แอลกอฮอล์เป็นตัวช่วยในการนอนหลับเด็ดขาด เพราะแอลกอฮอล์มีผลกับสมองเราอย่างมาก หลายท่านที่เคยดื่มจะเข้าใจดีว่าสมองที่ทำงานไม่ปกติเพราะแอลกอฮอล์เป็นอย่างไร ดังนั้น การนอนด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้สมองเราไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จะเห็นได้จากอาการปวดศีรษะหนักหลังจากตื่นนอนเมื่อดื่มหนัก ดังนั้น หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ทำปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ แนะนำให้เลี่ยงแอลกอฮอล์สักระยะก่อนดีกว่า
สำหรับหลายๆท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับแล้วเห็นบทความนี้เสนอเทคนิคหลายเทคนิคเหลือเกิน แล้วถ้าต้องทำทั้งหมดนี่จากนอนหลับอาจจะกลายเป็นไม่ได้นอนเพราะมัวแต่ทำนู่นทำนี่เพื่อให้นอนหลับไหม อย่าตกใจไป เพราะเทคนิคต่างๆเหล่านี้ถ้าให้พูดจริงๆแล้ว ไม่ได้กินเวลามากขนาดนั้น และไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมดก็ได้ ลองทำทีละอย่าง อาจจะเริ่มจากเรื่องที่เราชอบก่อนก็ได้ บางท่านชอบฟังเพลงก็เริ่มเลือกเพลงมาฟังก่อนนอนก็ได้ เพราะบางท่านเห็นว่าการจัดบรรยากาศให้เหมาะสมเป็นเรื่องง่ายที่มองข้ามไป จะเริ่มเลือกทำก่อนก็ได้ เพราะอย่างไรก็ตามตัวคุณเองจะทราบดีที่สุดว่าวิธีการไหนเหมาะสมกับตัวเรา และทำไปได้สม่ำเสมอ สุดท้ายนี้ฝากคำถามง่ายๆให้ลองคิดกับตัวเองดูว่า
“วันนี้ฉันจะเริ่มทำอะไร? เพื่อให้ฉันนอนหลับได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line : @LifeEnricher
Facebook: TheLifeEnricher
โทร: 02-017-2758, 094-686-6599