พัฒนาองค์กร

ทักษะโค้ชชิ่ง ความรู้จำเป็น เพื่อ พัฒนาองค์กร ให้อยู่รอด

         เมื่อทุกคนหันไปมององค์กรที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การ พัฒนาองค์กร แบบใหม่ที่ให้กับโลกใบนี้หลายองค์กร เชื่อว่าทุกคนคงจะคิดไปตาม ๆ กันว่า บุคคลที่เริ่มต้นทุกสิ่งทุกอย่างนี้จะต้องเป็นยอดมนุษย์แน่นอน หลายคนคงเคยเปรียบเทียบตัวเองว่าตัวฉันเองแนะนำเพื่อนใกล้ตัวบางครั้งก็ยังไม่ฟังเลย แต่ก็มียอดคนในโลกใบนี้ที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมของเราได้ และพวกเขาต้องทำอะไรมากแค่ไหนถึงจะได้ผลลัพธ์นั้นขึ้นมา ซึ่งการเรียกคนเหล่านี้ว่ายอดมนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงสักเท่าไหร่เลย เพราะการเกิดขึ้นขององค์กรหนึ่งองค์กรเกิดขึ้นด้วยเป้าหมายและความฝันที่เป็นแรงผลักดันให้คนหนึ่งคนลุกขึ้นมาลงมือทำอะไรสักอย่างจนออกมาเป็นภาพที่พวกเราเห็นกันได้

        แต่สิ่งที่น่าสนใจที่ผู้นำที่ประสบความสำเร็จหลายคนออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันก็คือ “ พวกเขาไม่มีทางมายืนอยู่ในจุดนี้ได้เลย ถ้าหากว่าพวกเขาไม่มีทีมงานที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน “ เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็มีข้อจำกัดทางร่างกายและเวลาเท่ากับพวกเราทุกคน พวกเขามาสองมือ สองเท้า หนึ่งสมอง และ 24 ขั่วโมงต่อวันเหมือนกันกับพวกเราทุกคน เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาทำได้ด้วยสองมือในเวลาอันจำกัดนี้ก็คงจะไม่ได้มากมายอะไรนัก จุดสังเกตที่หลายคนคงจะสังเกตได้ก็คือ เวลาเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถไปแตะต้องหรือเปลี่ยนแปลงมันได้เลย ไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหน เราก็มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันในแต่ละวัน แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ก็คือ เราสามารถเพิ่มแรงมือจากสองมือเป็นสี่มือ จากสองเท้าเป็นสี่เท้า จากหนึ่งหัวเป็นสองหัว และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“ องค์กรเกิดขึ้นด้วยความฝันและจุดมุ่งหมายของคนหนึ่งคน และเติบโตด้วยศักยภาพของคนหลายคน “

         ดังนั้นถ้าหากจะบอกว่าองค์กรระดับโลกเกิดขึ้นเพราะยอดมนุษย์เพียงคนเดียวก็คงจะไม่ถูกไปเสียทีเดียว เพราะองค์กรเหล่านี้สามารถยืนอยู่ได้จนถึงในปัจจุบัน และเติบโตไปได้เรื่อย ๆ ก็เพราะว่าองค์กรเหล่านี้มียอดมนุษย์หลายคนทำงานร่วมกันอยู่นั่นเอง ซึ่งการเป็นยอดมนุษย์หมายถึงแต่ละคนก็จะมี “ พลัง “ หรือความสามารถของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทุก ๆ ความแตกต่างของ “ พลัง “ ก็ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ทุกคนเห็นในปัจจุบันได้ ซึ่งการที่จะดึงเอา “ พลัง “ หรือความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคนออกมาได้ องค์กรเหล่านี้ก็คงจะไม่ได้ใช้วิธีการสอนและบีบบังคับให้คนในองค์กรทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นทุกคนในองค์กรก็จะเป็นเหมือนกันหมดทุกคน แล้วความสมดุลจะอยู่ที่ไหน จริงไหม ? ดังนั้นกลยุทธ์การพัฒนาบุคลากรในลักษณะนี้จะไม่เห็นอยู่ในองค์กรระดับยักษ์ใหญ่แน่นอน

         “ แล้วองค์กรเหล่านี้พัฒนาบุคลากรของพวกเขาอย่างไร ? “ คงจะเป็นคำถามที่เกิดขึ้นกับหลาย ๆ คน เพราะถ้าบอกว่าทุกคนมี “ พลัง “ หรือจุดเด่นเฉพาะตัว ดังนั้นการพัฒนาเฉพาะด้านจำเป็นจะต้องใช้หลาย ๆ ศาสตร์เข้ามารวมกันอย่างนั้นสิ ซึ่งจริง ๆ แล้วเราสามารถใช้ศาสตร์หนึ่งศาสตร์เป็นตัวตั้งต้นให้ทุกคนเริ่มเห็นเส้นทางในการพัฒนาของตัวเองได้ และคำตอบนั้นคงจะเป็นคำตอบที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินกันมาแล้วแต่อาจจะตีความต่างแตกกันออกไปบ้าง คำตอบนั้นก็คือ “ การโค้ชชิ่ง “

Coach คืออะไร ? พัฒนาองค์กร ได้อย่างไร ?

          Coach หรือ โค้ช คือผู้เชี่ยวชาญในการใช้ทักษะโค้ชชิ่งเพื่อสนับสนุนให้ผู้คนเติบโตและพัฒนาศักยภาพภายในของตัวเองด้วยการใช้ทักษะการฟังระดับสูง การตั้งคำถามที่เป็นคำถามปลายเปิดและทรงพลัง รวมไปถึงการเป็นกระจกสะท้อนให้กับผู้ที่ถูกโค้ชหรือที่เรียกว่า โค้ชชี่

          ความโดดเด่นที่การโค้ชชิ่งสามารถผลักดันให้กับผู้คนได้อยู่ที่การพัฒนานั้นจะเกิดขึ้นจากภายในของตัวพวกเขาเอง ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัย เพราะศาสตร์ในการพัฒนาคนในแบบอื่น ๆ จะอาศัยการถ่ายทอดจาก “ ผู้รู้ “ ไปสู่ “ ผู้ฟัง “ แต่การโค้ชชิ่งนั้น ตัวโค้ชจะไม่ให้คำแนะนำใด ๆ เลยยกเว้นเสียแต่ว่าตัวโค้ชชี่จะเป็นฝ่ายขอคำแนะนำจากโค้ช ดังนั้นคำตอบทั้งหมดจะออกมาจากตัวโค้ชชี่เอง และนั่นหมายความว่าพวกเขาจะเป็นคนที่ตัดสินได้ด้วยตัวเองว่าอะไรคือ “ พลัง “ ของพวกเขา , พวกเขาจะใช้ “ พลัง “ เหล่านั้นเพื่ออะไร , และพวกเขาจะทำอย่างไรเพื่อพัฒนา “ พลัง “ ของพวกเขา

          โค้ชทุกคนเชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพหรือ “ พลัง “ ในตัวของพวกเขามากพอที่จะสร้างเป้าหมายอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการจริง ๆ ดังนั้นเมื่อพวกเขามีศักยภาพมากพอ พวกเขาก็จะต้องสามารถเลือกทางเดินของตัวเองได้อย่างแน่นอน และในเมื่อ “ คำตอบ “ อยู่ในตัวของพวกเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกเขาสามารถใช้ศักยภาพของตัวเองได้มากที่สุดก็คือ “ คำถาม “ นั่นเอง และเพื่อที่จะใช้คำถามให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด โค้ชมืออาชีพทุกคนจะมีทักษะ “ การฟัง “ ในระดับลึกที่ทำให้พวกเขาสามารถรับข้อมูลที่โค้ชชี่ของพวกเขาพยายามสื่อสารออกมาได้ในทุก ๆ มิติ สิ่งสุดท้ายที่โค้ชมืออาชีพทุกคนมีก็คือ Mindset ในการ “ ไม่ตัดสิน “ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม และ Mindset เหล่านี้จะทำให้พวกเขาทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนที่ดีให้โค้ชชี่ได้เห็นตัวของพวกเขาเองได้ดีอีกด้วย ซึ่งการได้เป็นตัวเองผ่านการสะท้อนของโค้ชจะเปิดมุมมองใหม่ ๆ ที่หลายคนไม่เคยเห็นในตัวเอง และสร้างแรงผลักดันที่จะทำให้พวกเขาสามารถออกก้าวเดินเพื่อพัฒนาตัวเองได้ และในตลอดการเดินทางนั้นโค้ชมืออาชีพก็จะคอยเป็นเพื่อนร่วมทางที่คอยสนับสนุนโค้ชชี่ด้วยทักษะเหล่านี้เพื่อให้ศักยภาพของพวกเขาได้ออกมาเฉิดฉายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ประโยชน์และความจำเป็นในการ พัฒนาองค์กร ของทักษะโค้ชชิ่ง

          พูดถึงองค์กรก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องพูดถึงหน้าที่และสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากมายมหาศาล และแน่นอนว่ายอดมนุษย์ที่มี “ พลัง “ ในการจัดการกับอุปสรรคต่าง ๆ ในองค์กรเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นในการเติบโตและก้าวหน้าขององค์กร อะไรจะเหมาะกับการปลุก “ พลัง “ ในตัวของแต่ละบุคคลไปมากกว่าการโค้ชชิ่ง ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนดึงเอาศํกยภาพภายในออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่

          การเติบโตล้วนเกิดขึ้นจากปัญหาที่พบเจอ ยิ่งเจอปัญหายิ่งเติบโต ยิ่งเจอช่องโหว่ยิ่งรัดกุมมากขึ้น และถึงแม้ว่าจะเจอปัญหามากแค่ไหนก็ตาม ถ้าหากว่าองค์กรของคุณมี “ ยอดมนุษย์ “ มากพอ ปัญหาเหล่านั้นก็จะถูกแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งความน่าทึ่งอย่างหนึ่งของยอดมนุษย์เหล่านี้ก็คือ ทุกคนล้วนมีวิธีของตัวเองในการแก้ปัญหา และความแตกต่างในมุมมองเหล่านี้แหละที่จะทำให้องค์กรของเราแตกต่าง

         ข้อดีอีกอย่างของทักษะโค้ชชิ่งก็คือ องค์ประกอบของการเป็นโค้ชที่ดี ก็คือองค์ประกอบของการสร้างพื้นที่ในการพัฒนาตัวเองที่ยอดเยี่ยมนั่นเอง เพราะการเป็นโค้ขที่ดีคือการเป็นผู้ฟังที่ยอดเยี่ยมและไม่ตัดสิน , การตั้งคำถามเพื่อทุกคนมีโอกาสแสดงฝีมือและพัฒนาตัวเอง , และการสะท้อนอย่างสร้างสรรค์ที่ให้ผลดีมากกว่าการให้ Feedback ด้วยถ้อยคำติเตียน ดังนั้นหากว่าผู้นำทั้งหลายในองค์กรมีทักษะการโค้ชชิ่งติดตัวเองไว้ ก็เหมือนกับองค์กรของคุณสามารถสร้างยอดมนุษย์ในสายงานนั้น ๆ ออกมาได้อย่างต่อเนื่อง และใครจะรู้ว่าปัญหาเดิม ๆ ในสายงานเดิม ๆ อาจจะถูกจัดการด้วยยอดมนุษย์คนใหม่ในองค์กรจนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เป็นได้

ทักษะโค้ชชิ่งในบริษัทชั้นนำ

             แน่นอนว่าทักษะที่สามารถดึงศักยภาพของผู้คนออกมาได้อย่างเต็มที่ก็จะต้องถูกใช้ในองค์กรชั้นนำระดับโลกหลายองค์กรอยู่แล้ว และหนึ่งในองค์กรที่เลือกใช้ประโยชน์จากศาสตร์การโค้ชชิ่งในการพัฒนาองค์กรก็คือ Google นั่นเอง

Google มีนโยบายในการพัฒนาบุลากรด้วยการเปลี่ยนผู้นำทั้งหลายให้เป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม ซึ่ง Google ได้ให้ความหมายของการเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมอยู่ 6 ข้อก็คือ

1. สามารถสะท้อนได้อย่างเฉพาะเจาะจงตามเวลาที่เหมาะสม

2. สามารถสะท้อนได้อย่างตรงไปตรงมาด้วยการวิธีการพูดเชิงสร้างสรรค์

3. สามารถปรับการสื่อสารให้เหมาะสมกับโค้ชชี่ได้เพื่อผลลัพธ์สูงสุด

4. มีความสามารถในการจดจ่อเพื่อต้องฟังในระดับสูง

5. ไม่ใช่ความคิดเห็นของตัวเองในการตัดสิน

6. ใช้คำถามปลายเปิดเพื่อกระตุ้นให้หาคำตอบของตัวเอง

            จากสิ่งที่กล่าวมาถึงแม้ว่าจะดูเป็นองค์ประกอบที่อธิบายตัวเองได้อยู่แล้ว แต่ต้องใช้ความเข้าใจและการฝึกฝนเพื่อให้สามารถใช้ทักษะการโค้ชได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อมีองค์ประกอบการเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมแล้ว Google จะใช้ GROW model ในการโค้ชแต่ละครั้ง

( G ) oal – คุณต้องการอะไร ?

             ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมาย เพราะถ้าหากว่าคุณไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นหนทางในการพัฒนาตัวเอง ซึ่ง Google ใช้ OKRs ( Objective key results ) ในการสร้างเป้าหมายที่ดีให้กับทีมงาน และเป้าหมายเหล่านั้นก็มีองค์ประกอบตามหลัก SMART อีกด้วย

( R ) eality – ปัจจุบันเกิดอะไรขึ้น ?

             เมื่อเห็นเป้าหมายตรงหน้าแล้ว ก่อนจะเริ่มออกเดินทางก็จำเป็นจะต้องรู้จุดยืนของตัวเองก่อนว่าตอนนี้เรายืนอยู่ตรงไหน เรากำลังเจอปัญหาอะไรอยู่ในปัจจุบัน และอะไรที่เป็นอุปสรรคของเรา จุดนี้จะทำให้หัวหน้ากับลูกน้องพัฒนากลายเป็นทีมเดียวกันได้อย่างแท้จริง เพราะผู้นำจะมีโอกาสได้รับรู้สถานการณ์ของบุคลากรในทีมแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งโดยปกติแล้วผู้คนจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน แต่การปรับมุมมองให้ตรงกันทำให้สามารถเห็นภาพและจัดการกับปัญหาได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น

( O ) ption – ทางเลือกของเรามีอะไรบ้าง ?

             เมื่อเห็นจุดยืนของตัวเอง เห็นปัญหาและอุปสรรคแล้ว ต่อไปคือการมองหาทางเลือกว่า ด้วยทรัพยากรที่เรามี เรามีทางเลือกอะไรในการจัดการกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้าได้บ้าง พยายามมองหาความเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะสามารถเอามาใช้ในเหตุการณ์ปัจจุบันได้ จุดนี้เป็นจุดสำคัญที่ผู้นำจะเห็นการเปลี่ยนแปลงและการคิดแก้ปัญหาของบุคลากรในทีม จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้นำที่อยู่ในฐานะโค้ชควรหลีกเลี่ยงในการให้คำแนะนำ เพราะการให้คำแนะนำอาจจะช่วยแก้ปัญหาระยะสั้นได้ แต่ในระยะยาวคุณจะไม่เห็นการเติบโตของทีมงานคุณเท่าที่ควร

พัฒนาองค์กร

( W ) ill – คุณจะทำอะไรบ้าง ?

             หลังจากที่เห็นทางเลือกทั้งหมดแล้ว นี่คือจุดที่จะทำให้ทีมงานของคุณวางแผนการจัดการกับปัญหาของพวกเขาด้วยตัวของพวกเขาเองผ่านคำถามโค้ชชิ่ง แน่นอนว่าคนที่วางแผนก็ต้องเป็นทีมของคุณที่กำลังพยายามเติบโตอยู่แล้ว ดังนั้นการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เลือกทางเดินของตัวเองจะทำให้พวกเขามีแรงผลักดันในการลงมือทำมากกว่าการโดนสั่งให้เดินตามทางที่หัวหน้าเห็นว่าดีอย่างแน่นอน

ทำไมผู้บริหารถึงควรมีโค้ชส่วนตัว ?

             นอกจากบุคลากรในองค์กรแล้ว ผู้บริหารก็ควรจะมีโค้ชส่วนตัวเหมือนกัน อย่าลืมว่าคนที่จำเป็นจะต้องเติบโตไม่ได้มีแค่ทีมงานของคุณ ตัวคุณเองที่เป็นบริหารระดับสูงหรือเจ้าขององค์กรที่ต้องรับผิดชอบมากกว่าคนอื่น ๆ ก็จำเป็นจะต้องมีโค้ชคอยช่วยเป็นเพื่อนร่วมทางในการพัฒนาตัวเองของคุณเหมือนกัน และที่สำคัญก็คือ การที่ผู้บริหารระดับสูงทั้งหลายมีหน้าที่รับผิดชอบแบกรับไปอยู่มากมาย พวกคุณอาจจะไม่เคยได้หันกลับมามองตัวเองเลยว่าในปัจจุบันเป็นอย่างไร และยิ่งคนเป็นคนที่สร้างผลลัพธ์ได้มาก คุณก็ย่อมจะมีหลายจุดที่ต้องสังเกตตัวเองเหมือนกัน

             ลองจินตนาการดูว่าถ้าคุณอยู่ในขวดน้ำ คุณจะไม่มีทางเห็นฉลากข้างตัวที่แปะไว้ให้คนนอกเห็นได้เลย คุณจำเป็นจะต้องเอาตัวเองออกมาจากขวดน้ำใบนั้นเพื่อให้เห็นฉลาก เหมือนกับที่คุณมองออกมาจากสายตาของตัวเอง คุณก็ไม่มีทางเห็นในสิ่งที่คนอื่นเห็นได้ด้วยตัวของคุณเองเหมือนกันกับตอนคุณอยู่ในขวดน้ำเลย แตกต่างกันที่คุณไม่สามารถเอาตัวคุณเองออกมาจากร่างกายของคุณได้ ดังนั้นโค้ชมืออาชีพที่คอยเป็นกระจกสะท้อนที่ยอดเยี่ยมจะทำให้คุณสามารถออกมามองตัวเอง และวางแผนการพัฒนาและเติบโตให้กับตัวคุณเอง และองค์กรที่คุณสร้างขึ้นได้มีประสิทธิภาพขึ้นนั่นเอง และที่คุณเห็นด้านล่างนี้ คือ E-Book ฟรี ที่เราพัฒนาขึ้นมาเป็นเครื่องมือช่วยคุณในการโค้ชทีมงาน ทีมขาย หรือแผนกอื่น ๆ ให้ไปถึงเป้าหมายได้ และที่สำคัญถึงคุณจะไม่เคยเรียนทักษะการโค้ชก็สามารถทำได้ เพราะเรามีวิดีโอสาธิตให้พร้อม ไม่ต้องกลัวกังวลใด ๆ สามารถทดลองกับทีมงานคนสนิทได้ก่อนเลย และผมจะบอกความลับให้ครับ ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า มาจากการกเริ่มต้นที่ดีลองเลยครับเชื่อผมแล้วมิติมุมมองการคุมทีมงานของคุณจะเปลี่ยนไป

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line : @LifeEnricher

Facebook: TheLifeEnricher

โทร: 02-017-2758, 094-686-6599

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า