Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

รวมเรื่องธุรกิจที่เคยเจ๊งไม่เป็นท่า แต่กลับมายืนได้
“ อย่าไปเป็นลูกน้องเขาเลย ทำอะไรเป็นของตัวเอง รวยกว่าเยอะ “ นี่คงจะเป็นประโยคที่เกือบจะทุกคนคงเคยได้ยินผ่านหูกันมาหลายรอบ เป็นประโยคที่มีความหมายง่าย ๆ ตรงตัว และน่าดึงดูดในเวลาเดียวกัน ในเมื่อเราทำงานให้คนอื่น เราก็ได้แค่ส่วนแบ่งค่าแรง ทำเองรับเต็ม ๆ ยังไงก็รวยกว่าเห็น ๆ แล้วจะไปทำงานให้เขาทำไมกัน ?
แต่ทุกคนรู้ดีว่าโลกธุรกิจมันไม่ได้สวยหรู ทุ่งเงินทุ่งทองที่หลาย ๆ คนหวังจะเข้าไปเก็บด้วยการเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเองมันไม่ได้อยู่รอให้เก็บง่าย ๆ แบบนั้น มีเจ้าของธุรกิจอีกมากมายที่รอจะเก็บดอกเก็บผลจากทุ่งนี้อยู่ บางคนเข้ามาคนเดียว เก็บได้ไม่เท่าไหร่ก็เต้มมือแล้ว บางคนเข้ามาเป็นก๊วน 3 คน เก็บกันเต็มมือได้มากกว่าคนที่มาคนเดียวสามเท่า บางคนเข้ามากันเป็นทีมใหญ่ 30 คน เก็บได้มากกว่าสองกลุ่มที่แล้วหลายเท่า แต่บางคนก็อาจจะมาแค่คนเดียว แต่ขับรถเกี่ยวมากวาดไปทั้งแถบ บางคนมากันแค่ 3 คน กับรถเกี่ยวอีก 3 คัน และแน่นอนว่าก็ต้องมีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีคนเป็นพัน ๆ คน มีรถเกี่ยวเป็นร้อย ๆ คัน มามีส่วนร่วมในการ แข่งขันแย่งชิง การเก็บดอกเก็บผลในทุ่งเงินทุ่งทองนี้
บางคนเห็นว่าทุ่งนี้มีการแข่งขันสูงเหลือเกิน สู้ยังไงก็สู้ไม่ไหว ลงทุนจ้างคนซื้อรถมาเท่าไหร่ก็เก็บไม่ทันเจ้าของธุรกิจรายอื่น ๆ อ่ะไม่เป็นไร ทุ่งนี้เก็บไม่ไหว ลองไปหาทุ่งใหม่ดู ทุ่งที่มีดอกมีผลรอให้เก็บ และไม่มีใครเข้ามาแย่งเก็บมากมายนัก ทุ่งที่ไม่ได้มีการแข่งขันสูง บางคนไปเจอทุ่งในฝันที่มีดอกมีผลรอให้เก็บเพียบเต็มสุดลูกหูลูกตา เก็บยังไงก็เก็บไม่หมด แถมคนแย่งเก็บก็น้อยเหลือเกิน แต่บางคนก็อาจจะใช้เวลาเดินหาในฝันแบบนั้นนานเหลือเกิน นานจนเดินต่อไม่ไหวต้องล้มเลิกไปเลย แล้วไปเข้าทีมใหญ่ ๆ บริษัทใหญ่ ๆ เพิ่อที่จะได้ทำงานในทุ่งที่มีดอกมีผลหาเลี้ยงชีพ ถึงแม้จะได้แค่ค่าแรงเป็นส่วนแบ่งจากสิ่งที่เราเก็บได้ก็ตามที แต่บางบริษัทที่ใหญ่โตมากพอก็มีกำลังที่จะจ่ายส่วนแบ่งที่เป็นค่าตอบแทนที่มากกว่าที่พวกเขาจะเก็บเองไหวด้วยซ้ำ
คำถามที่ผุดขึ้นมาก็คือ ทำไมถึงมีคนที่ทำสำเร็จ แล้วทำไมถึงมีคนที่ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่ตัวเองต้องการสักที อะไรคือความแตกต่างที่ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มันต่างกัน ทั้ง ๆ ที่ก็ทำธุรกิจแบบเดียวกันแท้ ๆ แต่ทำไมบางคนอยู่ในทุ่งนี้ได้นาน แล้วก็ขยายออกไปได้เรื่อย ๆ กลับกันบางคนที่โชคดีเจอทุ่งใหญ่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาไม่เติบโต จนท้ายที่สุดก็เจอทีมใหญ่ เจอบริษัทใหญ่เข้ามาแข่งขัน แย่งส่วนแบ่งในทุ่งเงินทุ่งทองเหล่านั้นไปในที่สุด
เพราะโชคช่วยรึเปล่า คนที่สำเร็จถึงสามารถสร้างผลลัพธ์ได้แบบนั้น เพราะจักรวาลเรียงตัวทำให้พวกเขาจับอะไรก็งอกเป็นเงินเป็นทองไปหมด ก้าวเข้าไปตรงไหนธุรกิจก็โตเป็นดอกเห็ด แล้วคนที่ไม่สำเร็จล่ะ เพราะโลกกำลังกลั่นแกล้งเขารึเปล่า บางคนเจอทุ่งดีแต่ก็เก็บไม่ได้เยอะ บางคนหาแทบตายก็มองไม่เห็นทุ่งดี ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าจะเอาแต่โทษดวงชะตาก็คงจะน่าเศร้าไปหน่อย เพราะถ้าเป็นแบบนั้นแสดงว่าเราก็คงจะควบคุมชีวิตตัวเองไม่ได้เลย ชะตาฟ้าลิขิตให้ฉันเกิดมาจนฉันก็คงจะจนอยู่แบบนั้น แน่นอนว่าโชคก็ถือว่าเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่จะทำให้คนหนึ่งคน “ สำเร็จ “ ขึ้นมาได้ แต่อย่างไรก็ตาม ยังองค์ประกอบอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่เป็นเหตุแห่งความสำเร็จเหล่านั้น ลองค่อย ๆ พิจารณาดูว่า อะไรคือสิ่งที่เราอาจจะกำลังขาดอยู่ จะสำเร็จได้ ต้องรู้ก่อนว่าที่เรียกว่าล้มเหลว เป็นอย่างไร
ก่อนจะได้คำตอบว่าทำอย่างไรถึงจะสำเร็จ เราอาจจจะต้องหันกลับมาถามก่อนว่าในตอนที่เราทำธุรกิจหนึ่งอย่างขึ้นมา ที่เจ็งเนี่ย เจ๊งเพราะอะไร ทำไมถึงไปไม่รอด ? ซึ่งถ้าจะตอบง่าย ๆ แบบลวก ๆ ก็มีอยู่สองปัจจัยใหญ่ ๆ ข้อแรกคือ คุณที่เป็นเจ้าของธุรกิจไม่ชัดเจนมากพอ และข้อที่สองก็คือ ลูกทีมคุณสร้างผลลัพธ์ออกมาไม่ได้ตามต้องการ ลองมาวิเคราะห์ดูต่อว่า ที่บอกว่าเจ้าของไม่ชัดเจน คำว่าไม่ชัดเจน หมายถึงอะไร และที่บอกว่าทีมงานสร้างผลลัพธ์ไม่ได้ เป็นแบบไหน
ข้อแรกที่น่าจะเป็นปัจจัยที่เหล่าเจ้าของธุรกิจให้น้ำหนักและให้ความสนใจมากกว่า เพราะทุกคนที่เป็นเจ้าของเข้าใจดีว่า ธุรกิจจะรอดหรือไม่รอด อยู่ที่ตัวพวกเขาเองล้วน ๆ คราวนี้หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า “ ความไม่ชัดเจน “ มีเหตุให้ธุรกิจของพวกเขา “ เจ๊ง “ ได้อย่างไร

“ความชัดเจน” แบ่งออกมาได้หลายหัวข้อมาก ซึ่งถ้าหากว่าหัวข้อเหล่านี้ไม่ชัดเจนมากพอ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ธุรกิจของคุณอาจจะกำลังเติบโตลำบากอยู่ ตัวอย่างชองหัวข้อที่เจ้าของจะต้องชัดเจนก็ คือ
- สินค้าไม่เป็นที่ต้องการ นั่นหมายความว่า คุณไม่ได้มองเห็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก คุณไม่ได้มองเห็นความต้องการของตลาด หรือถ้าคุณมั่นใจว่าคุณเห็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสินค้าของคุณได้ชัดเจนจริง ๆ แต่ยังไม่เกิดการซื้อขาย นั่นอาจจะเป็นปัญหาจากกลยุทธ์ Marketing ของคุณก็ได้
- องค์ประกอบสินค้าไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นการตั้งราคาไม่เหมาะสม , คุณภาพสินค้าสู้คู่แข่งไมได้ ทั้งสองข้อนี้ ถ้าหากว่าคุณไม่ชัดเจนในทุก ๆ รายละเอียดจริง ๆ สินค้าที่เป็นผลลัพธ์ของคุณก็จะออกมาสู้คู่แข่งที่ “ ชัดเจน “ กว่าคุณไม่ได้อยู่ดี
นอกจากความชัดเจนในตัวเจ้าของแล้ว ทีมงานก็เป็นองค์ประกอบสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งบ่อยครั้งผลลัพธ์ของทีมงานก็อาจจะมาจากความไม่ชัดเจนของผู้ประกอบการเองก็เป็นได้ เพราะถ้าหากคุณมองเห็นว่า ทีมงานของคุณคนนี้ ไม่มีความสามารถมากพอที่จะสร้างผลลลัพธ์ที่คุณต้องการได้ คำถามในตอนแรกก็คือ คุณอาจจะยังไม่ชัดเจนมากพอว่าคุณต้องการคนแบบไหน ทักษะแบบไหน ความสามารถแบบไหน และคุณไม่ต้องการคนแบบไหน ทำให้คุณอาจจะรับพนักงานเข้ามาโดยที่แค่เห็นว่า “ก็พอได้” หรือคุณอาจจะลำบากใจในการแยกทางกับทีมงานที่ไม่เหมาะกับบริษัทของคุณ ทำให้บริษัทของคุณเต็มไปด้วยพนักงานที่สร้างผลลัพธ์ได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่คุณตั้งไว้
หรือลูกทีมของคุณอาจจะมีความสามารถกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ Flow การทำงานขององค์กรคุณไม่ดีเอาเสียเลย ถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนคุณเอารถสปอร์ตแรง ๆ มาขับอยู่ในถนนแคบ ๆ นั่นแหละ เพราะไม่ว่าพนักงานคุณจะเก่งแค่ไหน แต่ถ้าคุณไม่มีระบบการทำงาน ไม่มีที่มีทางให้พวกเขาได้ทำงานกันอย่างเต็มประสิทธิภาพ สุดท้ายก็จบด้วยการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป เหมือนขบวนรถสปอร์ตแรง ๆ ที่ต้องค่อย ๆ ต่อแถวขยับกันทีละเล็กละน้อยในซอยแคบ ๆ นั่นแหละ
ในเมื่อปัญหามีอยู่รอบด้านขนาดนี้ เราจะแก้ไขกันได้อย่างไร หรือว่าจำเป็นจะต้องจ้าง Consult เก่ง ๆ มาช่วยจัดระเบียบองค์กรใหม่ ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ที่จะรับฟังความเห็น ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์อยู่ในสนามเหล่านี้มาหลายปี แต่ทุกอย่างมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ เพราะคนที่สเปคสูง ๆ มีผลงานมากมาย ค่าแรงและค่าเสียเวลาก็สูงตามความสามารถของพวกเขาไปด้วย ซึ่ง Start up หลาย ๆ ที่ก็อาจจะยังไม่มีเงินทุนมากพอที่จะจ่ายให้กับบริการตรงนี้
ในเมื่อคุณรับรู้และเข้าใจว่า ปัญหาส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากตัวคุณ “ คุณ “ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจ มี Impact กับการเปลี่ยนแปลงและเติบโตของธุรกิจของตัวคุณเองมากที่สุด ข่าวดีก็คือ คนที่จะแก้ปัญหาของคุณ และทำให้ตัวคุณเองพัฒนาได้ดีที่สุด ก็คือ “ คุณ “ นั่นแหละ คุณแค่ต้องมีเครื่องมือที่เหมาะสมในการพัฒนาตัวเอง และธุรกิจของคุณ
Coaching for business owner การโค้ชกับธุรกิจ
ในเมื่อเราเห็นปัญหาที่ทำให้ธุรกิจของเราเดินหน้าต่อไปไม่ได้แล้ว สิ่งที่เราต้องการก็คือ “ คำตอบ “ ในการแก้ไขปัญหาและจัดการ ซึ่งการหาคำตอบที่ดีที่สุดก็คือการใช้คำถามที่เหมาะสม ใช้คำถามที่มีคุณภาพ เพราะถ้าคำถามของคุณ มี Impact มากพอ คำตอบที่คุณได้ อาจจะเปลี่ยนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ได้ และศาสตร์ที่จะช่วยให้คุณ เลือกคำถามที่ดีที่สุดศาสตร์หนึ่งก็คือ “ ทักษะการโค้ช “
เพราะการโค้ช คือการเรียนรู้ และเข้าใจในทักษะการตั้งคำถามให้เหมาะสม และกระตุ้นให้ประมวลผลจนได้คำตอบที่ดีที่สุด สำหรับตัวคุณ และธุรกิจของคุณ ถ้าหากว่าคุณใช้เครื่องมือในการโค้ชได้อย่างเชี่ยวชาญ คุณจะสามารถโค้ชได้ทั้งตัวเอง และลูกทีมของคุณ ซึ่งนั่นก็เปรียบเสมือนกับว่า คุณกำลังโค้ชธุรกิจของตัวคุณเองอยู่ คุณกำลังหาคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณอยู่ว่า การก้าวหน้า การประสบความสำเร็จ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ในทรัพยากรทั้งหมดที่คุณมีอยู่
สำหรับธุรกิจของคุณ การโค้ชจะเริ่มสร้างผลลัพธ์ให้คุณได้ด้วยการเริ่มโค้ชตัวเอง หรือที่เรียกกันว่า Self Coaching เพราะการโค้ชตัวเองจะทำให้คุณเริ่มมองตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเริ่มเดินกับธุรกิจนี้ ตั้งแต่ค่านิยมว่าคุณเห็นค่านิยมของตัวคุณและธุรกิจของคุณอย่างไร อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด ? แล้วค่านิยมนี้ ความสำคัญนี้ ตอบสนองความต้องการด้านไหนของคุณบ้าง ? ทิศทางธุรกิจของคุณจะต้องเป็นอย่างไร ในเมื่อสินค้าของคุณเป็นแบบนี้ คุณเป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อนอย่างไรบ้าง ฯลฯ เรียกว่าถ้าตั้งคำถามได้ดี คุณจะเห็นเส้นทางตั้งแต่ค่านิยมตั้งต้น ออกมาเป็นสินค้า คุณจะเห็นว่า ความสำคัญที่คุณให้กับธุรกิจนี้ จะพัฒนาต่อไปเป็นวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างไร หรือแม้กระทั่ง ถ้าหากว่าคุณหมดไฟ คุณจะทำอย่างไร คุณจะดึงตัวเองขึ้นมาขับเคลื่อนธุรกิจของคุณได้อย่างไร

หลังจากที่คุณชัดเจนกับผลลัพธ์ที่ได้จากการโค้ชตัวเองแล้ว ลำดับต่อมาก็คือทีมของคุณนั่นเอง เพราะว่าลำพังหนึ่งสมองสองมือของคุณก็มีแรงทำแค่ 1 แรงมนุษย์ แต่ถ้าคุณสามารถรวบรวมทีมที่มีอุดมการณ์ มีค่านิยมเดียวกัน และให้ความสำคัญในเรื่องเดียวกันกับคุณ มาร่วมงานและเติบโตไปด้วยกัน ดังนั้นเมื่อคุณชัดเจนแล้ว โจทย์ต่อมาของคุณก็คือการสร้างทีมนั่นเอง
การโค้ชจะมีผลตั้งแต่ตอนที่คุณกำลังสัมภาษณ์ candidate พนักงานใหม่เลย คุณจะเห็นแนวทางว่าคุณจะต้องเลือกคนแบบไหน เข้ามาอยู่ในตำแหน่งอะไร เพื่อให้เขารับผิดชอบงานประเภทไหน ไปจนถึงการโค้ชเพื่อให้พนักงานปรับตัวและเติบโตในองค์กรของคุณ โค้ชเพื่อแก้ปัญหาการทำงานทั้งการทำงานส่วนตัวของพนักงานบางคน ไปจนถึงการทำงานเป็นทีม คุณจะสร้างภาวะผู้นำให้กับทีมของคุณได้อย่างไร
ทั้งหมดทั้งมวลที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตและประสบความสำเร็จเท่านั้น รายละเอียดและวิธีการใช้เครื่องมือการโค้ชเชิงลึกถ้าหากว่าจะให้อธิบายในบทความสั้น ๆ ก็คงจะไม่สามารถบรรยายเนื้อหาได้ครบ แต่ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่มี Passion ในการทำธุจกิจของตัวเอง กำลังสนใจอยากจะเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งว่าคุณอาจจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่เติบโตมาหลายปีแล้ว และอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ทักษะการโค้ช แนะนำให้ลองมาสัมผัสกับการเรียนโค้ชชิ่งออนไลน์ในคอร์ส Coaching for business owner คุณจะได้เรียนรู้การทำงานของเครื่องมือการโค้ช และองค์ประกอบที่สำคัญในการใช้คำถามอย่างมีประสิทธิภาพแบบ Online ซึ่งนั่นหมายความว่า คุณจะสามารถเรียนได้ทุกที่ โดยที่ไม่ถูกบังคับว่าคุณจะต้องมีเวลาทั้งวันติดต่อกัน
เครื่องมือที่ดี เครื่องมือที่เหมาะสมจะไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ได้ ถ้าหากว่าคุณไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ใช้มันอย่างถูกวิธี คุณอาจจะต้องลองถามตัวเองดูแล้วว่า คุณเปิดโอกาสให้ตัวเองได้มาสัมผัสกับเครื่องมือชุดนี้แล้วหรือยัง ?
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line : @LifeEnricher
Facebook: TheLifeEnricher
โทร: 02-017-2758, 094-686-6599