
6 วิธีรับมือหลังโดน Layoff แบบฟ้าผ่า
เมื่อวันถึงสองวันก่อนจะได้ยินบริษัท e-Commerce ชื่อดังสีส้ม ปลดพนักงานแบบสายฟ้าผ่ามาก ๆ ซึ่งเหตุผลการปลดครั้งนี้ทางผู้บริหารผู้ใหญ่ของเขาก็ไม่ได้ให้รายละเอียดไว้นัก
และก็มีข่าวหลุดต่าง ๆ นานาว่าจะปิดกิจการในอินเดีย ประเทศอินเดียก็ถูกปลดไปกว่า 300 คนเช่นกัน ข้อมูลอ้างอิงจากการตรวจสอบของ THE STANDARD WEALTH ที่ได้แหล่งข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า อาจจะเป็นการขาดทุน เกือบ 5,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ e-Commerce ค่ายอื่น ๆ แต่นั้นมันเป็นเรื่องภายในของเขา
ซึ่งสิ่งที่ผมจะพูดในวันนี้ คือ การรับมือแบบกะทันหัน ในมุมพนักงานเองตอนนี้อาจจะเป็นอารมณ์ลบ โกรธ เสียใจ แค้น หรืออาจจะนั่งบ่นด่า ลงบนโซเชียลจากการถูกปลดครั้งนี้ จริง ๆ ผมก็พูดในภาพรวมของคนที่โดนปลด แต่คุณรู้ไหมครับว่า อารมณ์เหล่านี้มันกำลังจะเพิ่ม Ego ให้คุณเองโดยอัตโนมัติ
เพื่อให้เห็นภาพของความมี อีโก้ เพิ่มขึ้น คือ
1. คุณจะหางานใหม่โดยที่เรียกเงินเดือนเพิ่มขึ้น (แบบเกินความเป็นจริง) เพราะ กลไกสมองของเราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่า คุณต้องหาความมั่นคงให้ตัวเองแบบมากขึ้น เพื่อไม่อยากกลับไปเจอเหตุการณ์นั้น ๆ อีก จนลืมมองความสามารถตัวเอง
2. เคยทำงานในบริษัทระดับมหาชนมาแล้ว การจะเลือกงานในองค์กรต้องมีข้อต่อรองมากขึ้น ต่อรองเงินเดือน ต่อรองตำแหน่ง และต่อรองวันหยุด สวัสดิการ เพราะ คิดว่า โปรไฟล์ตัวเองมากจากองค์กรชั้นนำ ต้องเหนือกว่าคนอื่น
มันก็มีอีกหลายอย่างที่จะทำให้คุณเป็นคนมีอีโก้ได้อีก เช่นกัน หรืออาจจะมาจากคำชมคำยุยงจากคนรอบข้าง “แกทำงานองค์กรใหญ่ ๆ มาใคร ๆ ก็ต้องการตัว เรียกค่าตัวแพง ๆ เลย” ประโยคนี้คุณอาจจะกำลังได้ยินจากเพื่อนอยู่ก็ได้ในตอนนี้
ถ้าพูดถึงการลาออกหรือโดน Layoff ในตอนนี้ในมุมมองผู้บริหาร ในวงการธุรกิจมองว่าเป็นเรื่อง ปกติมาก ๆ ในวัฏจักรการทำธุรกิจ ลาออก – เข้าใหม่ – Lay off และในการ Lay off หรือ ลาออกแต่ละครั้ง ก็มีทรัพยากรที่ต้องสูญเสียเช่นกัน
ซึ่งในส่วนขององค์กรสิ่งที่ต้องเรียนรู้และทำเพิ่มเติมหลังจากมีพนักงานจากไป คือ การวางโครงสร้างที่แข็งแรง เพื่อให้ได้ทีมงานที่ดีมีคุณภาพตามอัตลักษณ์องค์กร
แล้วในส่วนของพนักงานจะต้องรับมือแบบไหนละ ให้จิตใจผ่องใส งานใหม่ก็สุดปัง
1. ทำความเข้าใจปล่อยวาง : ผมเข้าใจครับว่าคุณมีความรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมอยากให้คุณมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของการทำงาน แม้แต่การทำธุรกิจส่วนตัวก็มีความเสี่ยงไม่ต่างกัน ดังนั้น ทำใจปล่อยวาง ตามในทางจิตวิทยาการปล่อยวาง จากอารมณ์ลบ จะทำให้พบจุดเริ่มต้นใหม่ ๆ ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามครับ
2. ดูแลสภาพจิตใจให้สดใส : วิธีการดูแลจิตใจ อาจจะเป็นช่วงเวลานี้แหละที่คุณได้พักผ่อน ออกเดินทางใช้ชีวิตกับคนรอบข้าง หาสิ่งใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง ไม่เข้าไปผสมโรงกับผู้ที่โกรธเคืองจากการ Lay off ในครั้งนี้
3. เช็กสิทธิ์ชดเชย : โดยสามารถตรวจสอบด้วยตัวเองได้ที่เว็บไซต์ของประกันสังคม www.sso.go.th หรือสายด่วน 1506 เพื่อเช็กสิทธิที่พึงจะได้ คุณจะได้ไม่พลาดสิทธิประโยชน์ของตัวเอง
4. ลงทะเบียนคนว่างงาน : เข้าไปลงทะเบียนรับเงินชดเชยที่ เว็บไซต์ของกรมจัดหางานและทำตามขั้นที่หน้าเว็บมีแจ้งได้เลยครับ การรับผลประโยชน์มี 2 กรณี คือ
* กรณีถูกเลิกจ้าง
เงื่อนไขการรับเงินชดเชย: ต้องส่งเงินประกันสังคมครบ 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนถูกเลิกจ้าง โดยต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานและรายงานตัวผ่านเว็บไซต์
สิทธิที่ได้รับ: ได้รับเงินทดแทนระหว่างว่างงานร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นระยะเวลาไม่เกิน 180 วันต่อปี
* กรณีลาออกเอง หรือ หมดสัญญาจ้างงาน
เงื่อนไขการรับเงินชดเชย: ต้องส่งเงินประกันสังคมครบ 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนลาออก โดยต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานและรายงานตัวผ่านเว็บไซต์
สิทธิที่ได้รับ: ได้รับเงินทดแทนระหว่างว่างงานร้อยละ 30 ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วันต่อปี
ในส่วนนี้ก็อย่าลืมเช็กสิทธิตัวเองกันให้ดี ๆ ข้อมูลที่ผมให้ตรงนี้เป็นเพียงแค่เบื้องต้นให้คุณได้ตระหนักรู้ถึงผลประโยชน์ของตัวเอง ถือว่าเป็นอีก 1 วิธีในการเยียวยาด้านจิตใจเช่นกันนะครับ
5. เรียนรู้และอัปเกรดตัวเองด้วยสกิลใหม่ ๆ : ปัจจุบันมีคลาสออนไลน์มากมายทั้งแบบฟรีและมีค่าใช้จ่าย ทั้งด้าน Soft Skills Hard Skills ในมุมการเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องนั่งเรียนออนไลน์เท่านั้น แต่ผมหมายถึงการฟัง Podcast การอ่านหนังสือก็ช่วยให้คุณมีสกิลใหม่ ๆ ไว้ไปเฉิดฉายในองค์กรใหม่ได้อย่างเต็มที่
6. อัปเดต Resume หางานใหม่แบบปัง ๆ : ผมในฐานะผู้บริหาร การงานอีเมลสมัครมันคือหน้าที่ของฝ่าย HR ก็จริงแต่สำหรับองค์กรของผม ผมอยากอ่านและมีส่วนร่วมในการคัดเลือกเอง (จริง ๆ แล้วบริษัทอื่นก็อาจจะทำแบบเดียวกัน) และเชื่อว่าอีกหลายองค์กร ผู้บริหารก็งานอีเมลสมัครงานเองเช่นเดียวการ เพื่อเลือกคนี่ใช้การที่คุณจะโฆษณาตัวเองให้โดดเด่นกว่าคนอื่น ผมจะแนะนำให้ครับ
*เล่าประสบการณ์ความสำเร็จ ให้กระชับและน่าประทับใจ ทำให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายและไม่รู้สึกเสียเวลา
* บอกถึงทักษะที่คุณมีให้หมดทั้ง Hard Skills และ Soft Skills จุดนี้จะทำให้กรรมการพิจารณว่า ทักษะที่คุณมีเหมาะกับตำแน่งไหม และคุ้มที่จะจ้างงานหรือไม่
* บอก Passion ที่คุณมี ความฝันที่คุณอยากทำ เชื่อว่าหลาย ๆ องค์กร ชอบคนที่มีความฝัน แต่ฝันอย่างเดียวไม่พอต้องลงมือทำจริง ๆ ด้วย
* เช็กคำถูกผิด และ Template ที่เรียบร้อยอ่านง่าย การที่คุณใช้ Template ที่อ่านง่าย จะทำให้คุณได้คะแนนพิเศษและมีโอกาสมากกว่าผู้สมัครอื่น ๆ
ผมว่าในทั้งหมด 6 ข้อที่ผมได้บอกคุณไปนี้ ก็น่าจะพอให้คุณได้เจอประสบการณ์ที่น่าประทับใจแบบใหม่ งานใหม่ ๆ ให้กับคุณได้ บางครั้งโดน Layoff ให้มองในข้อดีว่า ตอนนี้คุณอาจจะถึงเวลาที่ออกจาก SafeZone แล้วก็ได้ มันอาจจะเป็นเวลาที่ดีที่คุณจะได้ทำสิ่งใหม่ หลังจากลังเลจะลาออกดีไหมหรือจะเอาไว้ก่อนดี แถมเรายังได้เงินชดเชยไปทำสิ่งใหม่ ๆ อีกด้วย แต่ส่วนที่สำคัญสุด ๆ คือ การรักษาสุขภาพจิตใจให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ใหม่อยู่เสมอ ผมรู้ครับและผมก็เชื่อว่าคุณคงมีอารมณ์ โกรธ โมโห และรู้สึกไม่มั่นคงในเวลาเดียวกัน แต่นี้ คือ ธรรมชาติของโลกการทำงานครับ ใน 6 ข้อที่ผมกล่าวไปผมเชื่อในตัวคุณอีกว่าคุณจะทำมันออกมาได้ดี พร้อมเปิดรับโอกาศใหม่ ๆ กราฟชีวิตมีขึ้นลงเสมอ แต่เมื่อมันลงไปแล้วมันจะกลับขึ้นมาอย่างสง่างามอีกครั้งครับ เชื่อผม และขอให้คุณโชคดีเจองานที่ใช่ครับ

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line : @LifeEnricher
Facebook: TheLifeEnricher
โทร: 02-017-2758, 094-686-6599