Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

เก่งอย่างไร ให้แตกต่าง !!
ยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีที่มนุษย์พัฒนาขึ้น มีส่วนช่วยในการพัฒนามนุษย์ในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทำให้ผู้คนเข้าถึงกันได้แบบที่แทบจะเรียกได้ว่าไร้พรมแดนกันเลยทีเดียว ทำให้คนเค้าถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านได้ง่ายขึ้น เข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น และเทคโนโลยีเหล่านี้ก็นำมาซึ่งบริการที่อำนวยความสะดวกในการพัฒนาตัวเองหลายรูปแบบ บางคนก็เลือกจะดู Youtube เวลาที่อยากจะลองทำอะไรใหม่ ๆ เรียกว่ารถเสียอยู่บ้านมี Youtube ก็ทำตามได้เลยทีเดียว หรือบางคนก็เลือกที่จะฟัง Podcast หรืออ่านบทความบน Internet และที่เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบันก็คือ มีธุรกิจที่ขายคอร์สการเรียนการสอนในรูปแบบบ Online ที่เรียนกันทางไกลด้วย บางคนก็บอกว่าธุรกิจแบบนี้สร้างขึ้นมาตอบสนองกับวิกฤตโรคระบาดในปัจจุบัน แต่บางคนก็มองเห็นว่า ปัจจุบันผู้คนเข้าถึงความสะดวกสบายมากขึ้น การวางคอร์สออนไลน์ให้เป็นตัวเลือกที่คนสามารถเข้าถึงได้ ก็เป็นการตอบโจทย์ความต้องการของคนในยุคปัจจุบัน
และด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนี้ ทำให้วิถีชีวิตและความต้องการของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าย้อนกลับไปดูสมัยก่อนที่ไม่มีเทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสาร การมีความสามารถเฉพาะทางที่ตรงกับความต้องการของคนในสังคมเป็นสิ่งที่สร้างความได้เปรียบในการสร้างอาชีพให้ตัวเองอย่างเห็นได้ชัด เป็นเหมือนการผูกขาดตลาดของความสามารถว่า ในระยะรอบวงที่อยู่ในชุมชนของเรา เรานี่แหละที่ยืนหนึ่ง ถ้าหมู่บ้านของคุณ มีคุณคนเดียวที่ซ่อมเครื่องจักรเป็น ไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องการความช่วยเหลือเรื่องนี้ก็จะต้องหันมาใช้บริการจากคุณแน่นอน หรือถ้าหากว่าเมืองของคุณมีหมออยู่ไม่กี่คน แน่นอนว่าเมื่อมีคนล้มป่วย ทุกคนก็ต้องกรูกันเข้าไปหาหมอที่มีเพียงไม่กี่คน
ทุกอย่างบนโลกนี้ขึ้นอยู่กับหลัก Demand & Supply ถ้าหากว่าคุณเป็นส่วนน้อยที่กำลังเป็นที่ต้อกงารสูง มูลค่าของคุณก็จะสูงตามไปด้วย แต่ถ้าหากว่าคุณมีความสามารถที่คุณคิดว่า “ ดี “ แต่มีคนที่มีความสามารถระดับเดียวกับคุณอยู่เต็มไปหมด และความต้องการก็ไม่ได้มีเพียงพอต่อปริมาณคนเหล่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือไม่ใช่ทุกคนที่มีความสามารถ set เดียวกับคุณจะถูกเลือกให้ไปทำงาน
แน่นอนว่าหลักนี้ไม่ได้มีผลแค่กับการเป็นเจ้าของธุรกิจเท่านั้น แต่การแข่งขันของการหางานก็เป็นอีกหนึ่งสังเวียนที่จะตัดสินศักยภาพของคุณเหมือนกันว่า คุณกำลังเป็นที่ต้องการของบริษัทนี้หรือไม่ และด้วยการพัฒนาของโลกในตอนนี้ ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะถูกยกระดับให้สูงขึ้นตลอดเวลา เมื่อก่อนแค่มีปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของบริษัทก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบแล้ว หรือเมื่อก่อน แค่พูดภาษาอังกฤษได้ก็ดูจะเป็นความสามารถที่ทุกคนต้องการ แต่ตอนนี้อุตสหกรรมบางอย่างก็มีคนให้ความสนใจและเรียนในสายงานนั้นมากขึ้น รวมทั้งมีความสามารถโดยรวมที่สูงขึ้น ทำให้การแข่งขันนั้นสูงขึ้นตามไป
ผู้คนในวันนี้ไม่สามารถเก่งเท่าผู้คนในอดีตได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้นในตอนนี้เราน่าจะสรุปได้แล้วว่า
“ เก่งอย่างเดียวคงไม่พอ ความแตกต่างคือตัวชี้วัดที่แท้จริง “
กระแสสังคมในการพัฒนาตัวเองส่วนใหญ่จะมีบุคคลที่ประสบความสำเร็จแบบอลังการหรือกลุ่มคนที่เราเรียกกันว่า Hyper successful people เป็นเหมือนต้นแบบหรือ Idol ของตัวเอง เพราะกลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นกลุ่มคนที่สร้างผลลัพธ์ที่เป็นความสำเร็จที่เปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตของพวกเขาและโลกใบนี้ ที่เห็น ๆ กันได้ทั่วไปก็เช่น Bill gates ที่สร้างระบบปฏิบัติการที่เป็นแกนหลักอย่างหนึ่งของเทคโนโลยีในปัจจุบัน Jeff bezos ที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทระดับโลกอย่าง amazon และยังมีคนที่ประสบความสำเร็จในสายธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเมื่อคนส่วนใหญ่เอากลุ่มคนเหล่านี้เป็นที่ตั้ง และตั้งหน้าตั้งตาเดินตามรอยเท้าของพวกเขาแบบก้าวต่อก้าว เพื่อหวังผลลัพธ์แบบเดียวกัน

แต่ความเป็นจริงก็คือ การเดินตามรอยของคนสำเร็จ อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกันเสมอไป การทำตามแล้วได้ผลลัพธ์แบบเดียวกันส่วนมากแล้วจะเป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมเสียมากกว่า เช่น อยากจะทำคาโบนาร่าสปาเกตตี้ คุณสามารถเปิดคลิปและทำตาม Step by step ได้และคุณจะคาดหวังผลลัพธ์ที่เหมือนกับหรือใกล้เคียงกับของต้นฉบับได้ ถ้าคุณอยากจะลองทำงานฝืมือบางอย่างแล้วทำตามคนที่เคยทำมาก่อนแล้ว คุณก็จะได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันกับของต้นฉบับ แต่ถ้าหากว่าคุณอยากจะทำธุรกิจแบบเดียวกัน และหวังผลตอบรับแบบเดียวกันแล้วละก็ คุณอาจจะต้องผิดหวังกับสิ่งที่คุณจะได้รับ เพราะธุรกิจไม่ได้ตัดสินกันแค่ Final product หรือสินค้าที่คุณสร้างได้ แต่ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คือธุรกิจที่เข้าถึงและดึงความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากที่สุด อย่างมากที่สุดก็คือ คุณจะได้ส่วนแบ่งการตลาดที่ธุรกิจต้นแบบของคุณครอบคลุมไม่ถึง มันเป็นไปได้ยากมากจนอาจจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าคุณทำเหมือนกับธุรกิจต้นแบบของคุณทุกอย่าง เหมือนกับคุณตั้งใจจะเดินไปเก็บผลไม้ และคุณก็เลือกที่จะเดินตามคนที่เก็บผลไม้ได้เยอะ ๆ ซึ่งสิ่งที่คุณจะได้ก็คือผลไม้ที่คนที่คุณเดินตามเลือกที่จะไม่เก็บนั่นแหละ
แน่นอนว่าถ้าส่วนแบ่งการตลาดที่คุณได้จากการเดินตามคนสำเร็จมันมากพอ หรือผลไม้ที่คุณเก็บหลังจากที่คนนำหน้าของคุณเก็บมันเพียงพอต่อความต้องการแล้ว การเดินตามแบบ 100% ก็อาจจะไม่ใช่กลยุทธ์ที่แย่สักเท่าไหร่สำหรับคุณ แต่ถ้าหากว่าคุณต้องการจะพัฒนากว่านี้ ต้องการผลลัพธ์กว่านี้ คุณจะต้องเลือกทำอะไรที่แตกต่างจากพวกเขาสักหน่อยแล้ว ซึ่งการทำให้แตกต่างก็จะสามารถแบ่งออกมาเป็นสองอย่างใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
เดินตามแล้วทำให้ดีกว่า
ถ้าเดินตามอย่างเดียว มันก็เหมือนการ Copy & Paste หรือการก๊อบมาวางกันเฉย ๆ นั่นแหละ แต่การเดินตามแล้วทำให้ดีกว่ามันคือการ Copy & Develop ซึ่งนี่ดูจะเป็นประโยชน์อันใหญ่ของการเดินตามรอยของใครสักคน เพราะคุณจะได้เห็นเต็มที่ว่าในระหว่างทางเดิน คุณจะต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง ถ้าเจอขอนไม้คุณต้องทำอย่างไร ถ้าต้องเดินบนสะพานโยกเยก คุณจะรักษาตัวเองอย่างไรให้ผ่านไปได้ หรือมีทางไหนที่คุณเห็นว่าพวกเขาเลือกที่จะไม่เดินเลย เพราะถ้าเดินไปอาจจะเจอกับดักได้ แน่นอนว่านั่นจะประหยัดเวลาให้คุณอย่างมหาศาล คุณไม่จำเป็นจะต้องมาเรียนรู้เองว่าไอ้เจ้าขอนไม้นี้มีวิธีไหนที่จะจัดการกับมันได้แบบมีประสิทธิภาพที่สุด หรือการสังเกคว่าทางไหนควรเดิน ทางไหนอันตรายที่จะเดินต่อ
เพราะการเป็นคนเดินนำ ซึ่งที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการ “ ลอง “ หรือที่เรียกกันว่า Trials & error คุณอาจจะต้องเจอสถานการณ์ที่คุณต้องลองผิดลองถูกซึ่งการลองผิดลองถูก บางครั้งก็จำเป็นจะต้องใช้ทรัพยากรทั้งทรัพย์สินและเวลาจำนวนมาก แต่การเดินตามคนสำเร็จจะเป็นการข้ามการลองผิดลองถูก ทำให้คุณอาจจะไม่ต้องใช้เวลานานเท่าพวกเขาคุณก็สามารถมายืนในจุดที่ใกล้กับพวกเขามากกว่าพยายามจะคลำทางแล้วเดินหาพวกเขาเองแน่นอน
Catch หรือเทคนิคของการ Copy & Develop ก็คือ การสังเกตผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากสินค้าของพวกเขา ยกตัวอย่างที่อาจจะสังเกตเห็นกันง่าย ๆ ก็คือวิวัฒนาการของโทรศัพท์มือถือ ที่มือถือยุคแรก ๆ สมัย Nokia ที่เป็นเครื่องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทรงหนา ๆ มีแค่ปุ่มตัวเลข ปุ่มลูกศร และปุ่มสัญลักษณ์พิเศษไม่กี่ปุ่ม พัฒนามาเป็นมือถือแบบฝาพับ ที่ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้สามารถใส่ลูกเล่นและ Hardware ใหม่ ๆ เช่นกล้อง หรือจอภาพที่มีคุณภาพดีกว่าเดิน ทำให้โดยรวมแล้วใช้งานง่าย และสารพัดประโยชน์กว่าเดิมในขณะที่ยังพกพาสะดวกเหมือนเดิม ในยุคต่อมาถ้าหลาย ๆ คนจำกันได้จะเป็นยุคที่มือถือของแบรนด์ BlackBerry เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยการพัฒนาระบบการพูดคุยกันผ่านมือถือที่สะดวกและรวดเร็วกว่าการใช้ SMS คุยกัน เพราะในยุคนั้น MSN messenger เป็นโปรแกรมการสื่อสารแบบ Realtime ที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยความสะดวกสบายในการติดต่อไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการนัดหมายที่ทำได้ด้วยต้นทุนที่ราคาประหยัดมากกว่าการโทรผ่านมือถือ แต่ข้อเสียอย่างเดียวของการใช้ MSN คือการต้องใช้ผ่าน PC หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเท่านั้น Blackberry อาศัยช่องว่างตรงนี้พัฒนาระบบการสื่อสารในรูปแบบที่ใกล้เคียงกันกับ MSN แต่สามารถใช้งานขณะที่เดินทางได้ ทำให้ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้สะดวกทุกที่ทุกเวลามากกว่าเดิมไปอีก เมื่อก่อนถ้าเกิดว่านัดกันเอาไว้แล้วรถติดหรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็อาจจะต้องโทรหากัน แต่ด้วยเทคโนโลยีของ Blackberry ทำให้สามารถสื่อสารกันได้อย่างสะดวกมากขึ้น ด้วยปุ่มกดที่มีมากเกือบจะเท่ากับ Keyboard ของ PC ทำให้การพิมแต่ละประโยคเป็นไปได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้นกว่าการใช้ปุ่มแค่ 9-12 ปุ่มในการพิมส่ง SMS ในแต่ละครั้ง
จุดเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวงของวงการมือถือคือการเปิดตัว Smartphone ของบริษํท Apple ที่ฉีกกฏเกณฑ์ของ Blackberry ไปเลย ข้อจำกัดของ Blackberry คือ Application ที่มีค่อนข้างจำกัด และประโยชน์ที่ใช้ได้ดีอย่างเดียวก็คือการ Chat โต้ตอบกัน Apple ได้ปล่อยมือถือจอสัมผัส ที่มีแค่ปุ่ม Home เป็นปุ่มเดียวของมือถือออกมา ซึ่งแตกต่างกับ Blackberry ที่ปุ่มเยอะจนเหมือนเอา Keyboard มาย่อส่วนแล้วก็แปะลงบนโทรศัพท์ยังไงยังงั้น นี่เป็นตัวอย่างของการเดินตามและทำให้ออกมาดีกว่า Apple ไม่ได้เป็นผู้สร้างโทรศัพท์มือถือจ้าวแรกของโลก Apple ไม่ใช่จ้าวแรกที่พัฒนามือถือที่สะดวกต่อการ Chat คุยกันแบบ Realtime ลักษณะนี แต่ Apple สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนในยุคนั้น และพัฒนาต่อเป็นบริษัทที่สามารถ “ สร้าง “ ความต้องการของคนยุคปัจจุบันได้ ถ้าลองคิดดูแล้ว ใครจะไปคิดว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป มือถือเครื่องเดียวจะกลายเป็นเครื่องมือสื่อสาร เครื่องมือการค้นหาข้อมูล เครื่องคิดเลข กล้องคุณภาพสูง ใช้เล่นเกม ดู VDO on demand ทั้งหลายได้

เดินตามและหาเบาะแสบางอย่าง
ตัวอย่างข้างต้นคือการเดินตามแล้วพัฒนาให้ดีกว่า เหมือนกับ Apple ที่พัฒนาเทคโนโลยี Smartphone ออกมา แต่การเดินตามก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องแข่งขันกับคนที่เดินนำหน้าเสมอไป คุณไม่จำเป็นต้องทำเหมือน Samsung ที่พัฒนา Smartphone มาแข่งขันในตลาด คุณสามารถหาประโยชน์จากคนที่เดินนำหน้าได้ด้วย ลองคิดดูว่าถ้าคุณเดินตาม Apple คุณจะสามารถสร้างอะไรที่หาผลประโยชน์จากสิ่งที่ Apple สร้างได้บ้าง คุณสามารถสร้างธุรกิจ Case สำหรับ Smartphone ได้ เพราะอย่างไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องมีอีเลดโทรนิกซ์ก็ย่อมจะต้องรักษาไม่ให้กระทบกระเทือนแรง การสร้าง Case ที่เป็นเหมือนเกราะกันกระแทกก็จะตอบโจทย์คนที่อยากจะรักษาสภาพของ Smartphone ไปด้วย
ทางเลือกอีกอย่างหนึ่งก็คือการทำ Application ที่สามารถใช้ประโยชน์บนระบบปฎิบัติการบน Smartphone ได้ ซึ่ง App ที่เป็นที่นิยมกันในปัจจุบันก็จะมี App ที่เกี่ยวกับ Social media , การซื้อสินค้าออนไลน์ , การตัดต่อรูปภาพหรือ VDO เป็นต้น
เมื่อลองวิเคราะจากตัวอย่างที่ยกขึ้นมาในสองวิธีการเดินตามให้แตกต่างนั้น จะเห็นได้ว่าการพัฒนา Smartphone ขึ้นมาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นคนที่ทำได้จะต้อง “ เก่ง “ อย่างแน่นอน แต่สุดท้ายแล้วคนที่จะได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้า หรือกลุ่มบริษัทที่กำลังหาบุคลากรคุณภาพ จนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ก็คือคนที่ “ เก่ง และแตกต่าง “ คุณอาจจะต้องกล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ อาจจะต้องเริ่มถามตัวเองได้แล้วว่า วันนี้คุณทำอะไรที่แตกต่างออกไปแล้ว หรือยัง ?
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line : @LifeEnricher
Facebook: TheLifeEnricher
โทร: 02-017-2758, 094-686-6599