Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

แรงจูงใจ

3 วิธีในการสร้าง แรงจูงใจ ที่นักธุรกิจต้องรู้!

            หนึ่งในความสวยงามของชีวิตคนเรา คือการที่แต่ละคนมี Passion หรือมีแรงผลักดันให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อเป้าหมายบางอย่าง บางคนอยากจะเรียนทำอาหาร บางคนอยากเล่นดนตรี บางคนอยากจะลองหัดเรียนภาษาที่สามหรือที่สี่ ฯลฯ และเมื่อขยับมุมมองออกมาจากคนหนึ่งคน มามองสังคมที่รายล้อมรอบตัวเรา ภาพที่เห็นก็คือต่างคนต่างก็มีแรงบันดาลใจในการลงมือทำอะไรบางอย่างที่อาจจะแตกต่างกันออกไป หรืออาจจะเหมือนกันก็เป็นได้ คนหนึ่งคนที่มีแรงบันดาลใจในการทำอะไรบางอย่าง และเลือกที่จะลงทุนทรัพยากรทั้งหมดของตนเองลงไป ไม่ว่าจะเป็นแรงกาย เวลา หรือทรัพย์สินก็ตาม สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตตัวเอง และคนรอบข้างได้ และถ้าหากมองภาพที่กว้างขึ้นไปอีก จากสังคมเล็ก ๆ รอบตัวเราเป็นประเทศ เป็นโลกที่เราอยู่อาศัย ภาพที่เราเห็นคืออารยธรรมของมนุษย์เราที่กำลังพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

             ถึงแม้ว่าทุกคนจะมีศักยภาพในการสร้างผลลัพธ์และความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ แต่ความจริงที่เห็นกันอยู่ก็คือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถใช้ศักยภาพนั้นของตัวเองได้เต็มที่ บางคนเจอปัญหา เจออุปสรรค จนทำให้ในที่สุดก็ท้อและหมดไฟ หยุดทำไปเฉย ๆ หรือบางคนทำไปทำมา อยู่ ๆ ก็มีความคิดผ่าลงมาเหมือนสายฟ้าผ่ากลางหัวว่า “ เอ๊ะ.. แล้วนี่ฉันทำไปเพื่ออะไรกันแน่ “ จนในที่สุดก็วางมือลงและหันไปทางอื่น

             แน่นอนว่าแรงบันดาลใจบางอย่างก็ไม่ได้อยู่กับเราไปตลอด มีเรื่องที่เราสนใจผ่านเข้ามา เราก็ใช้ชีวิตอยู่กับมัน บางคนก็อยู่กับเรื่องบางเรื่องไปได้ทั้งชีวิต บางคนกำลังค้นหา “ สิ่งนั้น “ ของตัวเองก็ลองจับลองทำหลาย ๆ อย่าง ใช่ก็ทำต่อ ถ้าไม่ใช่ก็มูฟออนกันไป ซึ่งถ้าหากว่าแรงบันดาลใจเหล่านี้เป็นงานอดิเรก จะทำหรือจะหยุดตอนไหนก็ดูจะไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไรสักเท่าไหร่

             ถึงแม้ว่า Passion ของใครหลาย ๆ คนอาจจะจบอยู่ที่คำว่า “ งานอดิเรก “ แต่ก็มีไม่น้อยเลยที่ Passion หรืองานอดิเรกเหล่านั้นเติบโตมาจนกลายเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้ นี่ดูจะเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คนที่หวังเอาไว้กับตัวเองว่า อยากจะทำงานที่ตัวเองชอบ เพราะมันก็คงจะดีไม่น้อยเลยถ้าหากว่าตื่นเช้ามา รู้ว่าจะได้ทำแต่เรื่องที่ตัวเองทำแล้วมีความสุขพร้อม ๆ กับสามารถหาเงินสร้างรายได้เลี้ยงชีวิตตัวเองและครอบครัวของตัวเองไปด้วย แต่จะมีสักกี่คนที่ได้เข้ามาสัมผัสกับการใช้ความชอบเป็นงานจริง ๆ และได้รับรู้ว่าทุกอย่างมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนอาจจะเคยลองกินอาหารที่ตัวเองโปรดปรานซ้ำ ๆ ติดต่อกัน กินไปทุก ๆ วัน วันละ 3 มื้อกินไปเรื่อย ๆ ก็จบที่คำว่าเบื่อ และการทำอาหารเมนูเดิมซ้ำ ๆ ก็ใช่ว่าทุกมื้อจะราบรื่นเสมอไป บางทีปรุงรสพลาดอาจจะเผลอใส่เยอะไป หรือฝาขวดหลุดออกมา บางทีก็แก๊สหมด หรืออุปกรณ์ขัดข้อง หรือบางทีก็อาจจะมาตายตอนจบที่กำลังจะเอาอาหารไปวางที่โต๊ะแล้วดันสะดุดล้มเสียได้ ธุรกิจที่เกิดขึ้นก็ไม่ต่างอะไรกับการทำอาหารเลย วางระบบมาอย่างดีแต่ก็ไม่ได้สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้ 100% ต้องมานั่งแก้นั่งปรับตัวกันไป หรือวันดีคืนดีเรื่องที่เคยชอบก็อาจจะกลายเป็นเรื่องที่ดูน่าเบื่อไปเหมือนรสชาติอาหารที่ทานซ้ำ ๆ

             คำถามก็คือ ทำไมเราถึงยังเห็นบางคนที่ผลักดัน Passion ของตัวเองมาเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ ทั้ง ๆ ที่ปัญหารายล้อมร้อยแปดพันเก้าขนาดนี้ อะไรทำให้พวกเขาสามารถเดินหน้าต่อไปได้เมื่อเจอปัญหา อะไรทำให้ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเบื่อ หรือไม่สนุกเท่าเดิมแต่ก็ยังคงไม่หยุดนิ่ง อะไรคือ Motivation หรือแรงขับเคลื่อนที่ทำให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าต่อไปได้เรื่อย ๆ ? บทความนี้จะมี 3 เทคนิคที่จะทำให้คุณจุดไฟให้ตัวเอง และผลักดันให้ตัวเองสามารถก้าวเดินต่อไปได้อย่างไม่หยุดหย่อน

 

 1 . แรงจูงใจ ในการทันอารมณ์ของตัวเอง

             ปัญหาใหญ่ที่สุดของคนที่รู้สึกว่าไม่สามารถจัดการตัวเองให้มีแรงจูงใจในวันที่ไฟมอดได้ คือความเข้าใจผิดว่า “ การมีไฟ “ คืออารมณ์อย่างหนึ่ง ทำให้หลายคนเข้าใจว่าตัวเองกำลัง “ หมดไฟ “ เพราะอารมณ์ที่ทำให้ “ มีไฟ ” มันไม่มีอยู่ในตัว  ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้น แต่ที่คุณกำลังรู้สึก “ หมดไฟ “ นั่นเป็นเพราะว่าคุณกำลังมีอารมณ์บางอย่างเกิดขึ้นในตัว ทำให้คุณรู้สึกล้า รู้สึกท้อ และทำให้คุณ “ หมดไฟ “ นั่นเอง

             อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการทำธุรกิจ แน่นอนว่าต้องเจออุปสรรรคเป็นเรื่องปกติ ซึ่งอุปสรรคเหล่านั้น บางครั้งก็ทำให้เกิดอารมณ์ลบขึ้นในตัวคุณ ลองสังเกตตัวเองดูก็ได้ว่าเวลาที่คุณรู้สึกท้อ คุณจะหาเหตุผลมาตอบตัวเองได้เสมอ คุณอาจจะกำลัง “ เหนื่อย “ เวลาที่คุณลงแรงไปเยอะ ๆ แล้วคุณไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คุณต้องการ คุณอาจจะกำลัง “ โกรธ “ เมื่อพาร์ทเนอร์ที่คุณไว้วางใจเล่นไม่ซื่อเพื่อหาผลประโยชน์จากคุณ และคุณอาจจะกำลัง “ กังวล “ เมื่อคุณเห็นสัญญาณจากปัจจัยภายนอกหลาย ๆ อย่างที่จะมีผลกระทบเชิงลบกับธุรกิจของคุณ

             ซึ่งอารมณ์พวกนี้ถามใคร ใครก็ตอบว่ารู้จัก ทุกคนน่าจะตอบได้หมดว่ามันเป็นอย่างไร มันรู้สึกอย่างไรเวลาที่อยู่ในห้วงอารมณ์เหล่านั้น แต่ประเด็นที่หลาย ๆ คนพลาดไป และทำให้เกิดอาการ “ หมดไฟ “ คือการ ไม่ทันอารมณ์ของตัวเอง ซึ่งการไม่ทันอารมณ์จะทำให้อารมณ์มีผลกับความคิด และร่างกายของคุณอย่างที่ทุกคนเคยเป็นเวลาที่เกิดอารมณ์ลบมาก ๆ แล้วไม่มีแรงจะทำอะไร บทความนี้คงจะไม่สามารถอธิบายเทคนิคในการ “ ทันอารมณ์ “ หรือ “ จับอารมณ์ “ ของตัวเองได้อย่างละเอียด แต่ขอให้รับรู้ไว้ว่า การทันอารมณ์เป็นเรื่องที่สามารถฝึกฝนได้ และทุกคนควรจะมีทักษะการจับอารมณ์ของตัวเอง

             เพราะการทันอารมณ์จะทำให้คุณสามารถแยกอารมณ์ที่เกิดขึ้นออกจากปัญหาที่คุณกำลังเจออยู่ตรงหน้าได้ และนั่นจะทำให้คุณสามารถมองปัญหาในมุมที่ทำให้คุณพร้อมจะลุยกับมันได้เต็มที่มากขึ้น ถ้าเกิดว่ายังไม่เห็นภาพว่าการทันอารมณ์จะทำให้คุณแก้ปัญหาการหมดไฟได้อย่างไร คุณลองสังเกตตัวเองดู เวลาที่คุณดูซีรีส์หรือหนังบางเรื่องที่เห็นตัวเองกำลังประสบปัญหาอะไรบางอย่างที่คุณเคยเป็นมาก่อน อาจจะเป็นการล้มเหลวกับธุรกิจ หรือเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งในความสัมพันธ์กับคนรัก คุณจะสามารถย้อนกลับไปรำลึกความรู้สึกและอินไปกับเหตุการณ์ในจอทีวี แต่คุณก็จะสามารถมองเห็นทางแก้ปัญหาบางอย่างที่คุณมองไม่เห็น ณ จุดที่คุณเคยเป็นในอดีตก็ได้ บางคนอาจจะบอกว่าก็น่าจะเป็นเพราะมันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว คุณเลยมองเห็นวิธีแก้ปัญหา นั่นก็เป็นหนึ่งเหตุผล แต่เหตุผลหลักจริง ๆ ก็คือ คุณกำลังตัดสินสถานการณ์ที่คุณกำลังรับรู้อยู่โดยที่ไม่มีอารมณ์ลบเข้ามาเกี่ยวข้อง อารมณ์เหล่านั้นที่คุณเห็นมันไม่ใช่อารมณ์ของคุณ ดังนั้นคุณก็เลยมองปัญหาให้เป็นแค่ปัญหา และสามารถหาวิธีแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ทันที

 2 . แรงจูงใจ ที่ชัดเจนกับตัวเอง

             หลายคนเริ่มทำธุรกิจด้วยแรงบันดาลใจบางอย่าง แต่เมื่อทำไปเรื่อย ๆ ทำไปนาน ๆ เข้า แรงบันดาลใจนั้นก็อาจจะโดนปัญหาและอุปสรรคที่รุมเร้ามากลบแรงบันดาลใจนั้นให้จางหายไปเฉย ๆ แต่ถ้าคุณชัดเจนกับตัวเองมากพอ เชื่อได้เลยว่าต่อให้ปัญหาจะโถมเข้ามาแค่ไหน แรงบันดาลใจของคุณก็จะยังอยู่กับคุณไปตลอดนั้นแหละ คราวนี้คำถามก็คือ แล้วความชัดเจนมันคืออะไร ? และมันจะช่วยให้ไฟในตัวคุณลุกโชนได้ตลอดเวลาได้ยังไง ?

            ความชัดเจนก็เหมือนการปักธงเอาไว้ว่า คุณกำลังเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง เพื่ออะไร พันธกิจของบริษัทคุณคืออะไร ถ้าให้เปรียบเทียบก็คงจะเหมือนกับการวางเส้นชัยในการวิ่งมาราธอนนั่นแหละ ลองนึกสภาพดูว่า ถ้าวันหนึ่งคุณรู้ตัวว่าคุณต้องออกวิ่ง แต่คุณไม่รู้ว่าคุณจะวิ่งไปสิ้นสุดที่ไหน คุณจะต้องวิ่งไปถึงเมื่อไหร่ หรือคุณอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณจะต้องวิ่งไปทางไหน แค่ฟังก็รู้สึกไม่มีแรงทำแล้ว เพราะคุณไม่รู้ว่าคุณจะทำไปเพื่ออะไร

             ธุรกิจของคุณก็เหมือนกัน คุณเริ่มต้นทำก็เหมือนคุณเริ่มออกวิ่ง แต่ถ้าคุณไม่ได้ปักธงให้ชัดเจนว่าคุณจะวิ่งไปจบที่ตรงไหน คุณจะไม่รู้เลยว่าระยะทางทั้งหมดที่คุณควรจะต้องวิ่งคือเท่าไหร่ คุณจะวางแผนไม่ได้ว่าคุณจะวิ่งความเร็วแค่ไหน คุณจะไม่รู้ว่าคุณจะต้องวิ่งไปทางไหน และคุณจะไม่รู้ว่าคุณจะต้องเตรียมตัวกับอุปสรรคอะไรบ้าง แต่ถ้าคุณวางเป้าของตัวเองให้ชัดเจนมากพอ คุณจะวางแผนทุกอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะรู้ว่าคุณต้องวิ่งทางไหน ทางไหนที่คุณสามารถลัดได้ ทางไหนที่คุณอาจจะต้องยอมวิ่งไกลขึ้นอีกนิดเพื่อเลี่ยงออกจากปัญหา คุณจะสามารถวิ่งคนเดียวได้ไหม หรือคุณต้องมีทีมงาน

             นี่ยังไม่ได้พูดถึงประเด็นสำคัญของบทความนี้ก็คือ การ “ จุดไฟ “ ในตัวเองที่เกิดขึ้นได้จากความชัดเจนของตัวเองเลย ซึ่งความชัดเจนจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนถูกเติมพลังงานทุกครั้งที่คุณกำลัง “ วัดผล “ กับตัวเองในแต่ละช่วง เพราะแทนที่คุณจะต้องมารู้สึกท้อว่า “ จะต้องวิ่งไปอีกเท่าไหร่ “ คุณจะสามารถหันกลับไปมองตัวเองในอดีตได้ว่า “ คุณมาไกลแค่ไหนแล้ว “ และการหันกลับไปเห็นพัฒนาการของตัวเอง เห็นตัวเองกำลังเคลื่อนที่เข้าไปหาผลลัพธ์ที่คุณตั้งไว้อย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นการกระตุ้นไฟในตัวคุณที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งเลย

แรงจูงใจ

3 . อะไรคือ แรงจูงใจ คุณค่าของธุรกิจของคุณ

             นอกจากเป้าหมายของธุรกิจคุณแล้ว “ คุณค่า “ ที่เกิดจากธุรกิจของคุณยังเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่จะทำให้คุณสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่องในวันที่คุณหมดไฟ “ คุณค่า “ ของคุณบางครั้งมันมากกว่าประโยชน์ทางตรงที่สินค้าของคุณมอบให้กับสังคม แต่บางครั้ง “ คุณค่า “ ของธุรกิจคุณอาจจะมาจากประโยชน์ที่เกิดขึ้นทางอ้อมของสินค้าของคุณก็เป็นได้

             ลองนึกภาพว่าคุณเป็นหมอที่มีหน้าที่รักษาคนไข้ให้หายจากอาการป่วย แล้วอยู่มาวันหนึ่ง คนไข้ที่เกือบจะต้องสูญเสียชีวิตไปเพราะโรคร้ายของคุณติดต่อมาหาคุณว่า “ ผมได้อุ้มลูกคนแรกของผมแล้ว ขอบคุณหมอมากนะครับที่ทำให้ผมมีวันนี้ในชีวิตได้ “ เหตุการณ์แบบนี้นั่นแหละที่จะทำให้คุณมีแรงลุกขึ้นมาลุยกับความเหนื่อยล้าของตัวเอง เพราะนี่เป็น “ คุณค่า “ ที่คุณสร้างขึ้นจากอาชีพและธุรกิจของคุณไม่ใช่แค่การรักษาผู้คน แต่เป็นการมอบโอกาสให้คนอื่นสามารถมีความสุขกับชีวิตของเขาต่อได้ ซึ่ง “ คุณค่า “ เหล่านี้มีแฝงอยู่ในทุก ๆ อาชีพ และในสินค้าทุกประเภท ธุรกิจฟิตเนสไม่ได้แค่ให้เช่าสถานที่ให้คนเข้ามาออกกำลังกาย แต่กำลังเปิดโอกาสให้คนเข้ามาพัฒนาตัวเอง บางคนเข้ามาเสริมความสั่นใจด้วยการออกกำลังกาย บางคนเข้ามาเพื่อจะได้มีอายุยืนขึ้น ร้านอาหารที่ไม่ได้ขายแค่อาหารอร่อย แต่ขายโมเม้นที่ทำให้ครอบครัวมาทานข้าว และใช้เวลาอันมีความสุขด้วยกัน

             เวลาที่คุณกำลังเห็นว่าคุณค่าในสินค้าของคุณไมได้จบแค่การใช้งาน แต่สินค้าของคุณกำลังทำให้ชีวิตของคนในสังคมดีขึ้นในหลาย ๆ มิติ สิ่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนพลังงานที่มอดดับไปของคุณถูกเติบเชื่อเพลิงให้ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง เพราะโดยธรรมชาติของคนเรา จะมีความสุขแบบที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เวลาเห็นผลลัพธ์ที่ตัวเองสร้างขึ้นเกิดประโยชน์กับคนรอบข้าง และเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line : @LifeEnricher

Facebook: TheLifeEnricher

โทร: 02-017-2758, 094-686-6599

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า