
6 ข้อควรรู้ ถ้าคุณไม่อยากให้ทีมงาน แห่ลาออก !!
เคยสงสัยไหมครับ ในทีมมีคนเก่ง แต่ทำไมไม่เจ๋งในศักยภาพ ? ตอนสัมภาษณ์ดู โปรไฟล์ดี แต่ทำไมตอนลงมือจริง ดูไม่เหมือนที่คุย เรื่องนี้ผมขอบอกเลยนะครับว่า ความผิดนี้อยู่ที่ “คุณ” ทำไมผมถึงบอกว่าอยู่ที่คุณ เรามาดูกันครับ
สิ่งแรกที่ผมอยากให้คุณถามตัวเองก่อนครับ ด้วยคำถามที่ว่า “ตอนนี้คุณกำลังวางโครงสร้างผิดอยู่หรือไม่ ? ” ซึ่งเป็นธรรมดาในโลกธุรกิจครับที่ใคร ๆ ก็อยากจะได้คนเก่งในองค์กร แต่ผมอยากให้คุณรีเช็กครับว่า ทรัพยากรที่คุณมีอยู่ในมือตอนนี้ คุณใช้ตรงนี้คุ้มค่าแล้วหรือยัง ?
ในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมามันทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ Great Resignation (การแห่ลาออกของทีมงาน) ตัวผมเองก็เป็นนักธุรกิจ และก็มีทั้งเพื่อนและลูกศิษย์ที่เป็นนักธุรกิจเช่นกัน ก็จะได้ยินเรื่องทีมงานแห่กันลาออก ทีมงานเก่ง ๆ หัวกะทิลาออกกันหมด เป็นประจำ และในองค์กรชั้นนำประเทศไทยหลาย ๆ องค์กรก็เจอปัญหานี้เช่นกัน
ตัวอย่างประชากรคนทำงานในอเมริกา (อ้างอิงจาก Workpoint Today)
ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยข้อมูลการลาออกมากกว่า 4 ล้านคน ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์และยังมีผลสำรวจรับรองจากบริษัทจัดหางานในอเมริกา ว่ามีประมาณ 55% ของแรงงานในอเมริกามีแนวโน้มที่จะหางานใหม่ รวม ๆ ก็ คือจำนวนที่เยอะมาก แต่คุณเคยลองถามทีมงานที่ลาออกถึงเหตุผลที่แท้จริงไหม หรือลองถามคำถามโค้ชชิ่งเชิงพัฒนาต่อยอดก็ได้ครับ เช่น
“อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้ ?”
“ถ้าพี่อยากให้เราร่วมกันต่อ มีอะไรบ้างหรอ ที่พี่จะซัพพอร์ตเราได้ ?”
ความพิเศษของกระบวนการโค้ชชิ่ง ที่การที่คุณทำหน้าที่ตั้งคำถามและเป็นกระจกสะท้อนให้กับทีมงาน สิ่งที่คุณจะมอบให้กับทีมงานได้ คือ การเป็น Safezone ที่ดี พร้อมเก็บข้อมูลที่ทีมงานพลั่งพลูออกมาไปพัฒนาต่อได้
แต่ในมุมเจ้าของกิจการ ผมเข้าใจดีครับว่าการเริ่มต้นหาพนักงานใหม่ คือ สิ่งที่กินเวลาและ Man Power แต่สิ่งที่ผู้บริหารอย่างคุณอาจจะต้องเริ่มลองปรับ Mindset การรับคนเข้าทีมตามนี้ดูนะครับ

1. ค้นหา การค้นทรัพยากรที่เหมาะสมเข้าองค์กร ไม่ใช่แค่คุยถูกคอแล้วรับเข้ามาทำงาน เพราะสิ่งนี้ “อาจจะ”ทำให้เกิดปัญหาภายหลัง แต่ควรเป็นการโค้ชชิ่งตั้งคำถาม เพื่อคนหาคนที่ใช่ นั่นคือคนที่เก่งและเหมาะสม
2. พัฒนา วางแผนต่อยอดให้ทีมงานเติบโตในหน้าที่การงานให้มากขึ้น เก่งขึ้น กลายเป็นองค์กรที่พร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้า
3. รักษา สิ่งนี้ไม่ใช่แค่การจ่ายเงินเพื่อรักษาเขาเอาไว้ แต่เป็นการใส่ใจชีวิตทีมงานในมุมมองของโค้ชที่เข้าใจคนจริง ๆ อ่านคนได้ลึกซึ้งขึ้น และการเข้าใจว่าเขาต้องการอะไรจริง ๆ ครับ
และเพื่อให้ดูแลธุรกิจองค์กรราบรื่นครบทั้งรอบด้าน ก่อนคุณจะ ค้นหา รักษา และพัฒนา คุณต้องสร้างวัฒนธรรมที่มั่นคงก่อน คือ เริ่มจากรากฐานเหล่านี้ครับ
ต้องรู้ว่าทำธุรกิจนี้ไปเพื่ออะไรจริง ๆ แรงจูงใจ สิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตคุณจริง ๆ เพราะการทำธุรกิจไม่ใช่แค่เครื่องมือสร้างเงิน แต่การทำธุรกิจจริง ๆ มันคือ Life Style อย่างหนึ่ง ที่คุณสามารถทำชีวิตในทุก ๆ วันของคุณอย่างสนุก มี Passion และมีความสุขได้ต่อให้ต้องเจอปัญหา
1. รู้จักตัวเอง
ต้องรู้ว่าทำธุรกิจนี้ไปเพื่ออะไรจริง ๆ แรงจูงใจ สิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตคุณจริง ๆ เพราะการทำธุรกิจไม่ใช่แค่เครื่องมือสร้างเงิน แต่การทำธุรกิจจริง ๆ มันคือ Life Style อย่างหนึ่ง ที่คุณสามารถทำชีวิตในทุก ๆ วันของคุณอย่างสนุก มี Passion และมีความสุขได้ต่อให้ต้องเจอปัญหา
2. สร้างวิสัยทัศน์
ผู้ประกอบการบางท่านยังตอบตัวเองไม่ได้เลยครับ ว่าเป้าหมายที่คุณต้องการคืออะไร ซึ่งวิสัยทัศน์จริง ๆ มันควรเห็นภาพในอนาคตอย่างชัดเจนมาก ๆ ครับ ผู้นำทีมที่มองการณ์ไกล เดินไปทิศไหน คาดเดาทุกอย่างได้ก่อน ผู้ตามก็จะไม่หลงทางนั่นเองครับ
3. วางวัฒนธรรมองค์กร
ถ้าคุณรู้แล้วว่าคุณต้องการอะไรในชีวิต ชัดเจนแล้วกับเป้าหมาย คุณต้องวางสิ่งนี้ในองค์กรครับ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณได้คนที่เหมาะสมเข้ามาในองค์กร คนที่มีความสนใจในสิ่งเดียวกันกับที่องค์กรต้องการ เพราะมนุษย์ชอบอยู่กับคนประเภทเดียวกัน ถูกต้องไหมครับ ?
จากโครงสร้างทั้งหมดที่ผมพูดไป ผมเชื่อว่าทีมงานของพวกคุณทุกคนก็หวังที่อยากจะเติบโตในหน้าที่การงานเช่นกัน ดังนั้น ถ้าองค์กรของคุณเป็นผู้ผลักดันศักยภาพให้ทีมดูแลด้วยใจเท่านี้ก็ลดปัญหาการแห่กันลาออก
แถมยังได้คนที่ใช้คนที่เหมาะสมกับองค์กรของคุณอีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ความเก่งมันสอนกันได้ แต่ Mindset คือเรื่องยากที่เราจะเจอคน DNA เข้ากับองค์กรของเรา
ดังนั้นรักษาเขาไว้ให้ดี ๆ ครับ มีสวัสดิการด้านจิตใจเพิ่มขึ้น หมั่นถามความรู้สึกพนักงานให้เข้ามีโอกาสได้สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา และสะท้อนความสามารถจุดแข็งของเขาออกมาและพัฒนาต่อยอดให้ถึงที่สุด คือ สิ่งที่ผู้นำยุคใหม่ควรเริ่มใส่ใจ เท่านี้การเป็นองค์กรต้นแบบก็อยู่แค่เอื้อม
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line : @LifeEnricher
Facebook: TheLifeEnricher
โทร: 02-017-2758, 094-686-6599