Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

9 สัญญาณเตือน ที่กำลังบอกคุณว่า “ เพื่อน “ แบบนี้ควรพอ
“ เพื่อน “ คือบุคคลที่มีบทบาทแทบจะทุก ๆ ด้านของการดำรงชีวิตของเราในปัจจุบัน แน่นอนว่า “ เพื่อน “ ของใครหลาย ๆ คนก็อาจจะมีหลายระดับ เช่น เพื่อนที่รู้จักกัน , เพื่อนสมัยเรียน , เพื่อนที่ทำงานด้วยกัน , เพื่อนสนิท ฯลฯ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในระดับไหนก็ตาม ถ้าเรานับว่าคนเหล่านี้เป็น “ เพื่อน “ แล้วละก็ นั่นคือการที่เราให้ความหมายกับคนกลุ่มนี้ว่าเป็นคนกลุ่มที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกว่าเป็นพื้นที่อีกหนึ่งพื้นที่ ที่อบอุ่น หรือพูดง่าย ๆ ก็คือคุณอยู่กับคนกลุ่มนี้แล้วคุณมีความสุขมากกว่าอยู่กับคนกลุ่มอื่นในชีวิตของคุณนั่นแหละ
เพื่อนดี ชีวิตก็ดี เป็นวลีที่ใครหลาย ๆ คนพอได้ยินแล้วก็ต้องพยักหน้าเห็นด้วย เพื่อนดีคือเพื่อนที่เวลามีความสุขก็ฉลองเฮฮาไปด้วยกัน เวลาเป็นทุกข์ก็ช่วยให้กำลังใจประทับประคองกัน เวลาที่เรากำลังพยายามเริ่มสร้างผลลัพธ์อะไรใหม่ ๆ เพื่อนก็จะคอยให้กำลังใจกัน และถึงแม้ว่าจะมีปัญหากระทบกระทั่งกัน พวกคุณก็กอดคอกันผ่านปัญหาเหล่านั้นมาได้ พออ่านข้อความนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนก็อาจจะนึกถึงหน้าเพื่อนกลุ่มที่คอยเป็นพื้นที่เหล่านี้ในชีวิตแต่ละช่วงของคุณขึ้นมา
แน่นอนว่ามีเพื่อนดี บางครั้งชีวิตของคุณก็อาจจะถูกทดสอบด้วยการเจอกับ เพื่อนที่ไม่เหมาะกับคุณ สักเท่าไหร่ ซึ่งบางครั้งคุณจะรู้สึกได้ทันทีว่า นี่ไม่ใช่คนที่คุณอยู่ด้วยแล้วสบายใจเหมือนคนกลุ่มแรกแล้ว นี่ไม่ใช่พื้นที่ที่คุณรู้สึกอยากจะก้าวเดินเข้ามาสุงสิงอยู่ด้วย แต่เชื่อไหมว่า บางครั้งคุณจะมองเห็นสัญญาณบางอย่างได้ว่า เพื่อนเหล่านี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับคุณขนาดนั้น แต่ด้วยคำว่า “ เพื่อน “ ที่ทำให้คุณให้ความสำคัญกับคนกลุ่มนี้มากกว่าคนอื่น คุณอาจจะพบว่าตัวเองกำลังให้โอกาสพวกเขามากกว่าที่ควรจะเป็น และนั่นอาจจะกำลังบั่นทอนสุขภาพของคุณทั้งกายและใจอยู่ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น
ถ้าคุณสังเกตเห็น สัญญาณเตือน 9 อย่าง ต่อไปนี้อยู่ใน “ เพื่อน “ บางคนของคุณ คุณอาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการเข้าหา “ เพื่อน “ คนนี้สักหน่อย
1. เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับคุณ
เป็นเพื่อนกันก็อาจจะไม่ได้จำเป็นจะต้องวางเราเป็นคนกลุ่มที่จะต้องให้ความสำคัญอันดับแรกถึงขนาดที่ว่าจะยอมทิ้งทุกอย่างมาเพื่อเราได้ตลอด 24/7 โดยที่ไม่สนใจว่านั่นจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม แน่นอนว่าถ้าเป็นเรื่องฉุกเฉินที่เพื่อนคุณต้องการความช่วยเหลือ หรือคุณต้องการความช่วยเหลือนั่นก็เป็นอีกเรื่อง แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณสัมผัสได้ว่าในขณะที่คุณให้ความสำคัญกับเขาเต็มที่ แต่เขากลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับคุณเลย ไม่ยินดียินร้ายกับความสำเร็จของคุณ ไม่ได้สนใจคุณมากมายอะไรในตอนที่คุณบอกว่าคุณมีปัญหาอยู่ หรือเลวร้ายกว่านั้นก็คือ พวกเขาอาจจะไม่ได้ฟังคุณด้วยซ้ำ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่บอกคุณได้ว่า เพื่อนคนนี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับคุณเท่าไหร่นัก

2. เพื่อนที่หักหลังคุณ
เป็นข้อที่ชัดเจนที่สุด รุนแรงกับความรู้สึกของคุณมากที่สุด แต่ใครหลายคนกลับให้โอกาสกับ “ เพื่อน “ ในข้อนี้มากที่สุดเช่นกัน เพราะอย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่า ขึ้นชื่อว่าเพื่อน ก็มักจะได้รับโอกาสที่คุณไม่ได้หยิบยื่นให้ใครง่าย ๆ อยู่แล้ว บางคนก็โชคดีที่การหักหลังนั้นอาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดบางอย่าง และสามารถพิสูจน์ตัวเองจนสามารถสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันขึ้นมาใหม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำแบบนั้นได้ เพราะเพื่อนบางคน ก็ไม่ได้หักหลังคุณด้วยความเข้าใจผิดจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจที่หักหลังกันเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัว หรือเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่ใช้งานคุณเพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง แต่พอถึงเวลาที่คุณต้อกงารความช่วยเหลือก็หักหลังหันหน้าหนีกันไปเสียอย่างนั้น
ความไว้ใจที่มีให้กันไม่ได้สร้างขึ้นมาใหม่ง่าย ๆ ไม่ใช่แค่กับเพื่อน แต่กับคนรักของคุณก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นต่อให้คุณให้โอกาสเขา คุณก็อาจจะพบว่าตัวคุณเองไม่ได้มีความเชื่อใจเหมือนเดิมอีกแล้ว คุณอาจจะสังเกตได้ว่าคุณจะระแวงกับเพื่อนคนนี้ของคุณมากกว่าปกติ จนทำให้คุณรู้สึกอึดอัด ดังนั้นถ้าคุณรู้สึกได้แล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องจัดการระยะห่างที่เหมาะสมจากเพื่อนที่เคยหักหลังคุณอย่างจริงจังแล้ว
3. ไม่เก็บความลับคุณ
เพื่อนมักจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ทำให้คุณสบายใจมากพอที่จะปรึกษาเรื่องบางเรื่องที่คุณไม่สามารถคุยกับคนอื่นได้ เพื่อนคือคนที่คุณไว้ใจมากพอที่จะมาระบายเรื่องที่ไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยิน แต่ถ้าเพื่อนคนนี้เก็บเอาความลับหรือสิ่งที่พวกเขาได้ยินจากคุณไปคุยให้คนอื่นฟัง เอาไปนินทาลับหลังโดยที่ไม่บอกคุณ และแน่นอนว่าคุณจับได้ เพราะถ้าคุณจับไม่ได้คุณอาจจะไม่เห็นสัญญาณเตือนข้อนี้ก็ได้
เมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผยว่าเพื่อนของคุณคนนี้เอาความลับของคุณไปพูดคุยนินทาลับหลัง นั่นจะทำลายความไว้วางใจของคุณที่มีกับเพื่อนคนนี้ไม่ต่างอะไรกับการหักหลังกันเลย และคุณจะพบว่าตัวคุณเองจะไม่อยากพูด หรือเล่าอะไรให้คน ๆ นี้ฟังอีกต่อไป ซึ่งนั่นจะทำให้คุณเลือกที่จะเอาตัวออกห่างจากเพื่อนคนนั้นเอง
4. คิดลบ มุมมองลบ
พื้นที่ที่คุณสบายใจ ก็น่าจะเป็นพื้นที่ที่คุณก้าวเข้ามาแล้วรับรู้ได้ถึงความสดใส ผ่อนคลาย อยู่แล้วชื่นใจ แต่ถ้าหากว่าเพื่อนของคุณเป็นคนที่มีทัศนคติทางลบสูงมาก สูงในระดับที่ว่าพวกเขามองอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นรอบตัวให้กลายเป็นเรื่องแย่ได้ทั้งหมด นั่นเท่ากับว่าคุณกำลังเอาตัวเองเข้าไปอยู่กับมุมมองแง่ลบตลอดเวลา และคุณจะพบว่า เวลาที่คุณอยู่กับเพื่อนคนนี้ ทุกอย่างรอบตัวมันจะดูห่วยแตกไปหมด ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ได้เรื่อง คนนู้นที่เหมือนจะดูดีจริง ๆ แล้วก็แค่เปลือกนอก ความสำเร็จของคนนี้ที่เห็น ๆ กันก็น่าจะมาจากการกระทำสีเทานั่นแหละ
ก็จริงที่ ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ และการมีคนที่คอยเห็นต่างก็เป็นเครื่องเตือนใจที่ดี แต่ถ้าทุกด้านที่ออกมาจากปากเพื่อนคนนี้ของคุณมีแต่ด้านสีดำ ด้านที่น่าขยะแขยง ด้านที่ไม่น่าฟังของทุกเรื่องรอบตัว คุณอาจจะต้องรีบเอาตัวเองออกมาจากสภาพแวดล้อมนั้น แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว เพราะไม่ว่าจะเอาเรื่องน่ายินดีอะไรไปคุยกับเขาก็ตาม เรื่องน่ายินดีเหล่านั้นจะกลายเป็นเรื่องที่ไร้คุณค่าไปเลย เพราะพวกเขาจะสะท้อนออกมาแต่มุมมองสีดำที่พวกเขามองเห็นนั่นแหล่ะ ดังนั้น น่าจะเป็นการดีถ้าคุณจะเอาตัวเองออกมาให้ห่างจากคนเหล่านี้เสีย
5. อยู่ด้วยแล้ว ไม่รู้จะคุยอะไรดี จนรู้สึกว่าอึดอัด
ก่อนอื่นเลยอยากให้เข้าใจว่า คุยไม่เก่งไม่ได้หมายความว่าจะมีเพื่อนไม่ได้ แต่หลายคนคงจะเข้าใจกันดีว่าเพื่อนบางคนที่ต่อให้อยู่ด้วยกันสองคน ไม่พูดอะไรเลยก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร อยู่นิ่ง ๆ กันต่างคนต่างทำอะไรของตัวเองแล้วก็แค่คุยกับเป็นครั้ง ๆ ก็เพลิน ๆ ได้ นั่นเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกับเพื่อนบางคนที่ แค่ต้องนั่งอยู่ด้วยกันไม่กี่นาที แต่รู้สึกว่าหาเรื่องคุยไม่ได้ แล้วคุณรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก คุณไม่รู้ว่าคุณจะพูดอะไร คุณไม่รู้ว่าคุณจะต้องวางตัวอย่างไร
เพราะบางครั้งการคบเพื่อนก็ไม่ได้มาด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว เวลาที่เราหาเพื่อนสักคน เราก็จะมองจากสิ่งที่เราสองคนเหมือนกัน จริงไหม ? ซึ่งความเหมือนนี้จะทำให้เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้โดยที่ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งอึดอัดหรือลำบากใจ เพราะเขาก็เป็นเหมือนเรานั่นแหล่ะ แต่ถ้าเรารู้สึกอึดอัดกับเพื่อนบางคนเวลาที่ต้องอยู่ด้วยกัน เพื่อนของคุณคนนี้อาจจะไม่ใช่คนไม่ดี แต่คุณก็อาจจะมีระยะห่างที่มากกว่าเพื่อนสนิทของคุณสักหน่อยแหละ

6. ดราม่า King / Queen
อาการเจ้าแม่ดราม่านี้ แทบจะไม่ต่างอะไรกันกับเพื่อนที่มีมุมมองลบเลย เพราะเพื่อนกลุ่มนี้จะทำให้บรรยากาศในการอยู่ด้วยกันของคุณ เป็นเหมือนสนามอารมณ์ที่มีแต่อะไรก็ไม่รู้รุมเร้าตลอดเวลา คุณลองนึกภาพดูว่าคุณนัดสังสรรค์กับเพื่อนของคุณ ทันทีที่คุณเดินเข้ามาแล้วหวังว่าจะได้บรรยากาศสบาย ๆ คุณกลับโดนอารมณ์ของเพื่อนคุณตีเข้าจัง ๆ แบบไม่หยุดหย่อน แล้วแถมอารมณ์ขึ้นลงเยอะด้วย และส่วนใหญ่แล้ว เพื่อนที่มีอาการแบบนี้จะเรียกร้องให้คุณสนใจเขา มากกว่าที่เขาจะหันมาสนใจคุณเสียอีก
แน่นอนว่าทุกคนย่อมจะมีช่วงเวลาที่อารมณ์แปรปรวน และเพื่อนคือคนสำคัญคนหนึ่งที่เราอยากจะใช้เวลาอยู่ด้วยในวันที่เราไม่ปกติ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณพบว่าเพื่อนของคุณบางคน ไม่ปกติจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ถ้าคุณสังเกตตัวเองได้ว่ารู้สึก “ เหนื่อย “ เมื่อคิดว่าจะต้องไปเจอเพื่อนคนนี้ บอกกันตรง ๆ ตอนนี้เลยว่า คุณไม่จำเป็นต้องเหนื่อย คุณแค่ถอยออกมาในระยะที่คุณสบายใจกับเพื่อนคนนี้ก็พอ
7. ดื้อ ( เงียบ )
การเห็นต่างคือสเน่ห์อย่างหนึ่งของการเป็นสัตว์สังคมของมนุษย์ เพราะเราทุกคนมีมุมมองไม่เหมือนกัน ดังนั้นเวลาที่มีมุมมองที่ต่างกันก็เหมือนกับการเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับชีวิตเราตลอดเวลา และยิ่งเป็นเพื่อนของเราแล้ว เราก็มักจะเปิดรับมุมมองที่แตกต่างเหล่านี้ได้มากกว่าคนทั่วไปแน่นอน
แต่ถ้าเพื่อนบางคนของคุณ ยอมรับความแตกต่างนี้ไม่ได้ และเลือกที่จะไม่พูดคุยหรือพยายามทำความเข้าใจกัน แต่เลือกที่จะดื้อกับคุณ ไม่ว่าจะเงียบหรือไม่เงียบก็ตาม เพื่อนคนนี้จะเรียกร้องให้คุณเข้าข้างความคิดของพวกเขาตลอดเวลา จะเอาแต่พูดว่า “ เพื่อนกันก็ต้องให้ท้ายกันสิ “ หรือ “ เพื่อนกันก็ต้องอยู่ฝั่งเดียวกันสิ “ โดยที่ไม่สนใจและไม่ให้เกียรติเหตุผลของคุณเลย นั่นคงไม่ใช่เพื่อนที่เป็นพื้นที่ที่ดีสำหรับคุณสักเท่าไหร่
8. หลบหนีเวลาที่คุณกังวล
พูดง่าย ๆ ก็คือ เพื่อนที่หนีคุณเวลาที่คุณมีปัญหา คือเพื่อนที่รอจะอยู่กับคุณแค่ผลประโยชน์ เท่านั้นแหละ ซึ่งผลประโยชน์เหล่านี้ไม่ได้หมายถึงผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมอย่างเดียว แต่ด้านนามธรรมหรือเรื่องความรู้สึกก็ด้วย ลองคิดดูว่าเพื่อนคนนี้ของคุณไปเฮฮากับคุณในวันที่คุณมีความสุข มารับเอาพลังงานดี ๆ จากคุณไป แต่ถึงเวลาที่คุณกำลังต้องการความช่วยเหลือ หรือต้องการที่ปรึกษา เขากลับถอยห่างออกไป แน่นอนว่าถ้าแค่ไม่กี่ครั้ง คุณก็สามารถเข้าใจได้ว่าทุกคนไม่ได้มีเวลาให้กับคุณตลอด แต่ถ้าเขาไม่เคยว่างเลยสักครั้งเดียวที่จะนั่งรับฟังคุณในวันที่คุณอยากจะระบาย คุณอาจจะต้องพิจารณาคน ๆ นี้ใหม่สักหน่อย ว่าระยะห่างระหว่างคุณสองคนควรจะเป็นแบบไหนดี
9. อยู่ด้วยแล้วคุณรู้สึกแย่
ทั้งหมดที่พูดถึง 8 ข้อที่ผ่านมาก็น่าจะทำให้คุณรู้สึกแย่ทั้งหมดนั่นแหละ แต่ก็ยังมีความรู้สึกแย่อย่างอื่นในแบบที่ไม่ได้พูดถึงเช่นกัน เพราะความเป็นพิษ หรือที่คุ้นเคยกันว่าความ Toxic ของแต่ละคนก็ต่างกันออกไป บางคนก็เอาแต่พูดถึงตัวเองว่าเก่งอย่างนั้น ดีอย่างนี้ เอาแต่เปรียบเทียบว่าฉันได้ผลลัพธ์นี้แล้วนะ แกได้หรือยัง ? หรือเอาแต่แข่งขันกันจนทำให้ความสัมพันธ์และบรรยากาศมันตึงเครียดไปหมด
ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ถ้าคุณจับและสัมผัสกับตัวเองได้ว่า คุณไม่สบายบใจละ คุณรู้สึกแย่ และคุณไม่มีความสุขที่จะอยู่กับเพื่อนคนนี้ ทางออกนั้นง่ายมาก คุณก็แค่ไม่ต้องอยู่กับพวกเขาก็แค่นั้น การที่คุณมีเพื่อนลดลงไปหนึ่งคน ก็คงจะดีกว่าคุณมีเพื่อนเพิ่มหนึ่งคน แต่คนนี้ Toxic กับชีวิตของคุณเหลือเกิน จริงไหม ?
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line : @LifeEnricher
Facebook: TheLifeEnricher
โทร: 02-017-2758, 094-686-6599