CorporateTraining
ทุกคนเข้าใจดีว่ามนุษย์ทุกคน มีองค์ประกอบทางร่างกายเท่าเทียมกัน มีสมองสองมือสองเท้าเท่ากัน แต่ทำไม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับแต่ละคนถึงได้แตกต่างกัน บางคนโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เรียนโรงเรียนเดียวกัน
ถ้าพูดถึง “ ความต้องการ “ สิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีก็จะเป็นความต้องการที่เป็นเหมือนกับความโหยหาบางสิ่งบางอย่าง หรืออยากจะครอบครองบางสิ่งบางอย่าง บางคนอยากเลี้ยงหมา บางคนอยากซื้อมือถือใหม่
แน่นอนว่าองค์ประกอบที่ทุกคนอยากจะมีในการทำงาน หรือการใช้ชีวิตก็คือ “ ความมั่นใจ “ เพราะถ้าคุณไม่มีความมั่นใจ คุณอาจจะพลาดโอกาสในการเริ่มอะไรไปหลาย ๆ อย่าง เพราะบางครั้งถึงแม้ว่าคุณจะมีคุณสมบัติด้านอื่น ๆ มากแค่ไหน
ถ้าพูดถึง “ ความเชื่อ “ อย่างแรกที่อาจจะพุ่งขึ้นมาในหัวของหลาย ๆ คนก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องศาสนา ลัทธิ หรือพลังเหนือธรรมชาติบางอย่าง ที่อาจจะสามารถหรือไม่สามารถพิสูจน์ออกมาได้
ยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีที่มนุษย์พัฒนาขึ้น มีส่วนช่วยในการพัฒนามนุษย์ในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทำให้ผู้คนเข้าถึงกันได้แบบที่แทบจะเรียกได้ว่าไร้พรมแดนกันเลยทีเดียว ทำให้คนเค้าถึงผู้เชี่ยวชาญ
ในสังคมยุคปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย การค้นหาและเข้าถึงข้อมูลก็ไม่ได้เป็นที่เรื่องที่เกินกำลังเหมือนสมัยก่อนที่ต้องลากตัวเองเข้าไปในห้องสมุด สมัยก่อนเวลาสงสัยหรืออยากรุ้อะไร
ในสนามรบของวงการธุรกิจที่ต้องเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ ต้องเติบโต และต้องพัฒนาให้เหนือกว่าคู่แข่ง ต้องจัดการกับปัญหาที่เข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน แน่นอนว่า “ ความเครียด “
หนึ่งในความสวยงามของชีวิตคนเรา คือการที่แต่ละคนมี Passion หรือมีแรงผลักดันให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อเป้าหมายบางอย่าง บางคนอยากจะเรียนทำอาหาร บางคนอยากเล่นดนตรี บางคนอยากจะลองหัดเรียนภาษาที่สามหรือที่สี่ ฯลฯ และเมื่อขยับมุมมองออกมาจากคนหนึ่งคน
ความเป็นสัตว์สังคมของมนุษย์ พวกเราทุกคนมีสังคมที่เราพาตัวเองเข้าไปอยู่ด้วยในชีวิตประจำวันหลากหลายสังคม บางคนมีทั้งครอบครัว เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมชมรม เพื่อนที่สนใจงานอดดิเรกเดียวกัน เพื่อนร่วมงาน คนรัก รุ่นพี่ รุ่นน้อง ฯลฯ และแน่นอนว่า
ทุกคนคงจะเข้าใจดีถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในยุคสมัยปัจจุบัน พัฒนาการของเทคโนโลยีในตอนนี้ก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว สำหรับใครที่มีอายุสักหน่อยน่าจะเคยมีประสบการณ์การอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี ใครจะไปคิดว่าในยุค
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

EQ และ IQ ในยุคดิจิทัล AI คุณคิดว่าอะไรสำคัญกว่า?
ทุกคนคงจะเข้าใจดีถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในยุคสมัยปัจจุบัน พัฒนาการของเทคโนโลยีในตอนนี้ก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว สำหรับใครที่มีอายุสักหน่อยน่าจะเคยมีประสบการณ์การอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี ใครจะไปคิดว่าในยุคที่เครื่องเพจเจอร์ถูกใช้งานกันเพื่อสื่อสารจะถูกทดแทนด้วยการใช้ Smartphone ในปัจจุบัน เพราะในยุคเพจเจอร์ การสื่อสารทางไกลโดยที่ไม่ต้องรอส่งจดหมายกันก็สร้างความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว แค่คำไม่กี่คำก็สามารถช่วยให้ผู้คนที่อยู่ไกลกันสามารถส่งข้อความสำคัญหากันได้ แล้วลองกลับมามองยุคปัจจุบัน ที่ไม่ใช่แค่สามารถส่งข้อความยาวเป็นเรียงความหากันภายในไม่กี่วินาทีได้ แต่เรายังสามารถมองหน้าและพูดคุยกันได้ตลอดเวลา
ประโยชน์สำคัญอีกหนึ่งอย่างที่มากับการสื่อสารที่แสนสะดวกสบายในปัจจุบันก็คือ การเข้าถึงข้อมูล เพราะตอนนี้ทุกคนก็น่าจะมีอาจารย์สาธารณะร่วมกันคือ ท่านอาจารย์ Google ที่ไม่ว่าอยากจะรู้อะไร จะถามอะไรก็สามารถถามได้ตลอดทุกที่ทุกเวลา จากสมัยก่อนที่จะหาข้อมูลอะไรสักอย่างก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำตอบอยู่ตรงหน้า หรือต้องเข้าไปค้นคว้าหาเองในห้องสมุด แต่ตอนนี้แค่หยิบมือถือขึ้นมาจิ้ม ๆ กด ๆ ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลที่แทบจะไร้ขอบเขตได้แบบไม่ยากเย็นอะไร ทำให้ยุคปัจจุบันที่เราใช้ชีวิตกันอยู่นี้ ถูกเรียกว่า The information age หรือยุคของข้อมูล เพราะยุคนี้เป็นยุคที่ประชากรโลกใช้ชีวิตอยู่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้มนุษย์ยุคเรา ๆ ถูกรายล้อมไปด้วยข้อมูลรอบตัว และแน่นอนว่า ความเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิตแบบนี้ทำให้ภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัวตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค
แน่นอนว่าเหล่าผู้ประกอบการทั้งหลายก็ไม่ได้ปล่อยให้เทคโนโลยีอยู่เฉย ๆ กลุ่มธุรกิจแทบจะทุกระดับชั้นต่างก็หันมาใช้เทตคโนโลยีให้เป็นประโยชน์กับองค์กรของตัวเองทั้งนั้น จะเห็นได้ว่าในทุก ๆ เวลาของชีวิตประจำวัน เราทุกคนจะเห็นโฆษณาต่อวันเฉลี่ยอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10 – 20 อัน การกักตัวอยู่ที่บ้านในภาวะฉุกเฉินปัจจุบันไม่ได้ทำให้เราเห็นการสื่อสารจากพ่อค้าแม่ขายด้วยโฆษณาน้อยลงเลย เป็นเหตุผลตอกย้ำว่า ตอนนี้เราอยู่ในยุคที่ธุรกิจต่าง ๆ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้างได้มากกว่ายุคก่อน ถ้าจะพูดว่าตอนนี้ลุกค้าของทุกคนคือประชากรทั้งโลกก็คงจะไม่ผิดอะไร เพราะในตอนนี้เราก็เห็นบริษัทชั้นนำของโลกหลายบริษัทแสดงศักยภาพในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วทุกมุมโลกกันอยู่เกลื่อนกลาด ทั้ง Google / Apple / Microsoft / Amazon ฯลฯ
ประเด็นต่อมาก็คือ แล้วมนุษย์เราที่อาศัยอยู่ในโลกที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีทันสมัย จะต้องปรับตัวอย่างไรกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในทุก ๆ วัน เราจะต้องพัฒนาตัวเองอย่างไร ถ้าพูดถึงการพัฒนาตัวเอง แบบกว้างที่สุดก็คงจะจำกัดความได้สองหัวข้อ คือ IQ (Intelligence quotient) และ EQ (Emotional quotient) แน่นอนว่าทั้งความฉลาดทางสมอง และความฉลาดทางอารมณ์ นี้ เป็นเรื่องที่ควรจะพัฒนาไปพร้อม ๆ กันทั้งสองสิ่ง แต่ทำไมกลุ่มสังคมการอยู่ร่วมกันถึงอยากจะอยู่กับคนที่มีคุณภาพทางอารมณ์ หรือมี EQ สูง แล้วทำไมบริษัทชั้นนำหลายแห่งเริ่มเข้มข้นและจริงจังกับการวัดระดับ EQ ของ Candidate พนักงานก่อนรับเข้าทำงาน ทำไมเวลาที่เราหาคนรัก หาคู่ชีวิต ถ้าถามใครหลาย ๆ คนว่าอยากให้คู่รักของตัวเองมี EQ สูงไหม เชื่อว่าส่วนใหญ่ หรือเกือบจะทุกคนก็ต้องตอบว่า “ อยาก “ เพราะงั้นเราอาจจะสามารถสรุปได้จากความต้องการเหล่านี้ว่า สังคมปัจจุบัน อาจจะกำลังให้ความสำคัญกับ EQ มากกว่าหรือเปล่า ? และถ้าใช่ เพราะอะไร EQ ถึงเป็นสิ่งที่ถูกให้น้ำหนักมากกว่า ?
EQ คืออะไร ?
หลายคนเข้าใจอยู่แล้วว่า EQ คือความฉลาดทางอารมณ์ EQ ดีก็ทำให้คนรอบข้างอยู่ด้วยแล้วมีความสุข อยู่กับคนอื่นง่าย เข้ากันได้กับหลายกลุ่มสังคม และถ้าจะให้อธิบายให้เป็นความหมายชี้เฉพาะมากขึ้นก็คือ EQ คือความสามารถของบุคคลในการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ซึ่งการควบคุมนี้จะมีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้น ๆ สามารถรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง หรืออ่านอารมณ์ตัวเองได้ และในขณะเดียวกันก็สามารถอ่านอารมณ์ของคนอื่น ๆ รอบตัวได้ด้วย ซึ่งการเข้าถึงอารมณ์ของคนรอบตัวจะทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ เกิดความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกันเพราะมีการสื่อสารอย่างเหมาะสม ไม่ถูกอารมณ์ชักนำ
คำถามต่อมาก็คือ แล้วเราจะเป็นคนที่มี EQ ดีได้อย่างไร ? หรือเราจะรุ้ได้อย่างไรว่า เราเป็นคนที่มี EQ ดีเยี่ยม ให้ลองพิจารณาจาก 5 องค์ประกอบเหล่านี้ดู

1 . Self awareness การรู้เท่าทันตัวเอง
รู้อะไรไม่เท่ารู้ตัว การรู้เท่าทันตัวเองคือการ “ ทัน “ อารมณ์ของตัวเองที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการรับรู้อารมณ์ตัวเองอาจจะถูกมองว่าเป็นเรื่องพื้นฐาน เพราะทุกคนน่าจะรู้ตัวเองอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นเป็นร้อยเป็นพันอารมณ์ในแต่ละวัน และไม่ใช่แค่ทันอย่างเดียว ยังต้องสามารถยอมรับในอารมณ์ที่เกิดขึ้นของตัวเองได้อีกด้วย ซึ่งถ้าหากเราทันอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว จะทำให้เราสามารถที่จะควบคุมและจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้
2 . Self Regulation ควบคุมตัวเองได้
หลังจากที่เรารับรู้แล้ว ต่อมาก็คือการควบคุม บ่อยครั้งที่ใครหลาย ๆ คนอาจจะเคยรู้สึกไม่พอใจกับอารมณ์ลบที่อยู่ในจิตใจของเรา เรารับรู้ว่าข้างในกำลังเกิดอะไรขึ้น แต่เราไม่สามารถควบคุมมันได้ เช่น ถ้าหลานมาเล่นของสะสมราคาแพงจนพังเสียหาย เราอาจจะรับรุ้แน่นอนว่าอารมณ์โกรธกำลังปะทุขึ้นมา แต่เราก็อาจจะไม่สามารถควบคุมความโกรธนั้นได้ หรือเวลาที่เราผิดหวังจากความรัก เรารับรู้ว่าเรากำลังในความเศร้าอยู่ในตัว แต่เราก็ไม่สามารถก้าวเดินออกจากห้วงนี้ไปได้ ซึ่งไม่ว่าอารมณ์ลบเหล่านั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ถ้าหากว่าควบคุมอารมณ์เหล่านั้นไม่ได้ การกระทำก็จะไหลไปตามอารมณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าโกรธก็อาจจะพูดตวาดเสียงดัง บางคนก็ลงไม้ลงมือ หรือถ้าเสียใจหนัก ๆ บางคนก็หันไปหาทางออกที่ไม่มีใครต้องการก็มี ดังนั้นการควบคุมตัวเองได้จึงเป็นหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้คนหนึ่งคน กลายเป็นคนที่มี EQ สูงในสายตาของทั้งตัวเองและคนรอบข้างได้
3 . Motivation มีแรงจูงใจในตัวเอง
แรงจูงใจหรือแรงขับเคลื่อน เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มนุษย์เราสามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ดังนั้นการจะสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน และมีทัศนคติทางบวกควบคู่ไปด้วย เพราะเป้าหมายที่ดีจะทำให้เราเห็นเส้นทางเดินที่ชัด และทัศนคติที่ดีจะทำให้เราจัดการกับอุปสรรคระหว่างทางในรูปแบบของอารมณ์ลบได้ ความฉลาดทางอารมณ์ที่ดีจะทำให้เราสามารถมองเห็นแสงสว่างในมุมมืด เห็นประโยชน์ในวิกฤต และทำให้เกิดทักษะการ Reframe หรือการให้ความหมายในเชิงบวก แทนที่จะเป็นความหมายเชิงลบ เช่น ถ้าหากว่าเราสะดุดล้มอยู่ตรงฟุตบาท บางคนอาจจะไม่พอใจแล้วก็คิดกับตัวเองว่า “ ทำไมฉันซวยแบบนี้ “ ในขณะที่บางคนอาจจะกำลังดีใจกับตัวเองอยู่ว่า “ ดีนะที่ไม่ล้มลงไปบนถนน ไม่งั้นแย่แน่ “ เป็นต้น
4 . Empathy เห็นใจผู้อื่น
การเข้าถึง การเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น จะกลายเป็นความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งความเห็นอกเห็นใจจะเกิดขึ้น เมื่อคุณสามารถเข้าถึงอารมณ์ของผู้คนรอบข้างของคุณได้ และเมื่อคุณเข้าถึงอารมณ์ของพวกเขาแล้ว คุณจะเห็นสัญญาณหรืออะไรบางอย่างที่กำลังบอกคุณอยู่ว่า ตอนนี้เขากำลังอยู่ในสภาวะแบบไหน และคุณควรจะสื่อสารอย่างไร ถึงจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คุณต้องการได้
5 . Social skills สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
ในยุคที่เราสามารถเข้าใจผู้คนได้ทั่วทุกมุมโลก การมีทักษะการสารสัมพันธ์ที่ดีจะทำให้คุณสร้างโอกาสให้ตัวเองได้ตลอดเวลา ทั้งทักษะการเข้าถึงคนอื่น การประณีประนอม การทำงานเป็นทีม ความเป็นผู้นำ ฯลฯ ซึ่งคนที่มี EQ ดี จะสามารถเข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่น เห็นใจผู้อื่น และสามารถผลักดันคนรอบข้างได้ นั่นทำให้พวกเขากลายเป็นคนที่สร้างความสัมพันธ์เก่ง

EQ สำคัญอย่างไรในยุคดิจิทัล…
ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้คนเข้าถึงกันได้มากขึ้น ดังนั้นยุคที่คนเก่งคนเดียวก้าวหน้าได้คนเดียวมันจบลงแล้ว ยุคปัจจุบันคือการไปด้วยกันเป็นทีม ถ้าจะได้พูดก็คือเก่งคนเดียวยังไงก็มีแค่สองมือ แต่ถ้าเก่งหลายคนหลายสิบหลายร้อยมือช่วยกันพายยังไงก็ไปเร็วกว่า ดังนั้นการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นถึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และทักษะสำคัญในการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นก็คือทักษะทางอารม์หรือ EQ นั่นแหละ ลองคิดภาพทีมที่มีแต่คนเก่งระดับหัวกะทิ แต่การอยุ่ร่วมกัน อย่าว่าแต่เข้าใจกันเลย พวกเขาอาจจะยังไม่เข้าใจตัวเองเต็มที่ด้วยซ้ำ แล้วเมื่อไม่สามารถเข้าใจตัวเองได้ก็ไม่สามารถเข้าถึงคนอื่นได้ พื้นที่การทำงานก็จะมีแต่ “ ตัวฉัน “ เต็มไปหมด ไม่มีแรงจูงใจ ไม่มีการผลักดันซึ่งกันและกัน ไม่เห็นอกเห็นใจ คุณคิดว่าทีมนี้จะไปได้ไกลไหม แล้วทีมนี้จะสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่ไหม กับอีกทีมหนึ่งที่สมาชิกในทีมอยู่ร่วมกันโดยที่มีความเข้าอกเข้าใจกัน ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการที่ทุกคนเข้าใจตัวเอง ควบคุมตัวเอง จนทำให้สามารถเข้าในคนอื่น และเลือกวิธีสื่อสารที่เหมาะสมในการทำงาน เกิดข้อผิดพลาดหรือเจออุปสรรคก็จะมีแต่คำพูดให้กำลังใจ หรือบางคนอาจจะสามารถชี้ประโยชน์จากปัญหาตรงหน้าได้
จากตัวอย่างข้างต้นหลาย ๆ คนก็อาจจะได้คำตอบแล้วว่าตัวเราเองอยากจะอยู่ทีมแบบไหน แล้วลองคิดดูว่าในยุคที่เติบโตด้วยการทำงานเป็นทีม การรับสมาชิกใหม่จึงเป็นเรื่องสำคัญ แล้วสภาพทีมสองทึม ทุกคนก็น่าจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากจะไปอยู่ทีมที่มี EQ สูงกว่าอยู่แล้ว
เพราะคนที่ EQ สูง จะมีคุณลักษณะที่ชัดเจนมากว่า พวกเขารับการเปลี่ยนแปลงได้ดี พวกเขาปรับตัวเก่ง พวกเขาทันตัวเอง พวกเขาเข้าใจคนอื่น พวกเขาบาลานซ์ชีวิตได้ดี และด้วยความที่พวกเขาไม่ตัดสิน ไม่ใช้อารมณ์ นั่นจะทำให้พวกเขาดูเป็นคนขี้สงสัย ใฝ่รู้ใฝ่เรียน พร้อมรับฟังจากคนรอบข้างโดยที่ไม่มีเงื่อนไขว่าจะเด็กกว่าหรือแก่กว่า ด้วยคุณลักษณะทั้งหมดนี้ ทำให้คน EQ สูง เป็นคนที่มีพลังงานบวกที่ใครหลาย ๆ คนกำลังตามอยู่กันอยู่ในปัจจุบันมากจนโดดเด่นนั่นเอง
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line : @LifeEnricher
Facebook: TheLifeEnricher
โทร: 02-017-2758, 094-686-6599