โค้ชชิ่ง

... โค้ชชิ่ง ช่วยการสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพ ...

        พวกเยอะได้เปรียบ แต่ถ้าเทียบจำนวนกับประสิทธิภาพ คุณจะเลือกอะไร ? แน่นอนว่าในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าคุณจะเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่าง คุณมักจะไม่ได้ลงมือทำเพียงคนเดียวเสียเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าตอนแรก ๆ คุณอาจจะเริ่มด้วยตัวคนเดียว แต่เมื่อคุณเดินทางไปเรื่อย ๆ เมื่อคุณเติบโตไปเรื่อย ๆ คุณจะพบว่าในการเดินทางของคุณจะมีคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ คุณเสมอ

         เพราะคนหนึ่งคนมีหนึ่งสมองสองมือสองเท้า ไม่ว่าคุณจะมีความสามารถแค่ไหนก็ตาม แต่สิ่งที่คุณสามารถทำได้ด้วยสองมือของคุณในแต่ละวันก็มีจำกัดเหลือเกิน ดังนั้นข้อสรุปของหลายคนจึงเป็นการสร้าง “ ทีม “ ของตัวเอง จากสองมือเป็นสี่มือ จากหนึ่งความคิดเป็นสองความคิด จากหนึ่งแรงขับเคลื่อนเป็นสองแรงขับเคลื่อน และเมื่อแรงขับเคลื่อนมากขึ้นก็ต้องหมายความว่าภารกิจใด ๆ ก็ตามที่คุณกำลังลงมือทำอยู่ก็ต้องเดินหน้ามากขึ้นสองเท่าจริงไหม ?

        ถึงแม้ว่าในผิวเผินก็น่าจะเป็นความจริง มีหลายมือทำก็น่าจะเร็วกว่าทำคนเดียว แต่ถ้าหากว่ามือหลายมือนั้น ไม่ได้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพแล้วละก็ ผลงานอาจจะไม่ได้ก้าวหน้าอย่างที่คุณคิดก็เป็นได้ คุณลองนึกภาพคนสองคนที่กำลังยกโซฟาอยู่ คนหนึ่งคนยกสูงแต่อีกคนหนึ่งยกต่ำ น้ำหนักของโซฟาอันนั้นก็จะเทไปอยู่กับคนที่ยกต่ำกว่าอยู่แล้ว เปรียบเทียบกับการยกแบบที่โซฟาอยู่ในระดับเดียวกันของคนสองคน คุณน่าจะเดาได้ไม่ยากว่า “ ทีม “ ไหนจะสามารถเคลื่อนย้ายโซฟาตัวนั้นได้มีประสิทธิภาพมากกว่ากัน

            ดังนั้นการสร้างทีมงาน ไม่ได้จบในขั้นตอนการเลือกคนเข้าทำงานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในขณะที่ศักยภาพของแต่ละบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ แต่ศักยภาพเหล่านั้นจะไม่ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คุณขาดหวัดได้เลยเลยถ้าหากว่าไม่ได้ถูกใช้ร่วมกัน หมอกับพยาบาลที่ทำงานได้เข้าขากันสองคน อาจจะดูแลคนไข้ได้ดีกว่าหมอกับพยาบาลหลายคนที่เข้ามารุมทำอะไรหลาย ๆ อย่างกันโดยที่ไม่ได้นัดแนะ , ทีมพนักงานร้านกาแฟที่ได้รับการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน ก็ย่อมจะดูแลลูกค้าและร้านได้ดีกว่าทีมที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างแน่นอน และอีกหลาย ๆ งานหลาย ๆ ภารกิจที่คุณจะรู้สึกได้ว่าบางครั้ง การมี “ ทีม “ ที่เข้าใจกันจริง ๆ เพียงหยิบมือ กลับสร้างผลลัพธ์ในการทำงานได้ดีกว่าการมีคนมากมายที่มาลงมือทำอะไรบางอย่างด้วยกันแต่ไม่ได้ทำงานร่วมกันจริง ๆ

           เพราะฉะนั้นหน้าที่ของคุณในฐานะผู้นำก็คือ การเปลี่ยน “ คนที่ทำงานร่วมกัน “ เป็น “ ทีมที่มีประสิทธิภาพ “ และแน่นอนว่าการจะสร้างทีมให้มีประสิทธิภาพสูง Productivity ทะลุเพดาน สร้างผลลัพธ์ได้มากกว่าปกตินั้น ผู้นำมีสิ่งที่จะต้องจัดการมากมาย ทั้งการจัดการแผนงาน การแก้ไขปัญหา การวางแผนการทำงานในอนาคต ฯลฯ และทุก ๆ อย่างที่คุณจะต้องจัดการในการสร้างทีมนั้น คุณจะสามารถจัดการได้ง่ายด้วย “ เทคนิคการโค้ช “ นั่นเอง

Coach ( โค้ชชิ่ง ) คืออะไร ?

             Coaching หรือ การโค้ช คือ ศาสตร์ที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้คนสร้างผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ ด้วยการใช้คำถาม เพราะการโค้ชเชื่อว่า ทุก ๆ คนล้วนมีศักยภาพในตัวเองที่มากพอจะบรรลุจุดมุ่งหมายใด ๆ ก็ตามที่พวกเขานั้นอยากจะทำในชีวิต ดังนั้นจุดเด่นของการโค้ชที่โค้ชใช้ช่วยเหลือผู้คนให้บรรลุเป้าหมายก็คือ โค้ช จะไม่เอ่ยปากแนะนำ ยกเว้นเสียแต่ว่าจะถูกเอ่ยปากขอคำแนะนำจากผู้ที่ถูกโค้ชอยู่ จึงเกิดเป็นความแตกต่างกับศาสตร์อื่น ๆ อย่าง Training ที่เป็นการถ่ายทอดความรู้จากผู้พูดไปสู่ผู้ฟัง หรือการ Mentoring ที่เหมือนกับการมีรุ่นพี่มาของจับมือทำและจูงมือเดินไปในเส้นทางที่เหมาะสม ซึ่งศาสตร์ทั้งสองอย่างนี้จะสังเกตได้ว่าเส้นทางที่เดินจะเป็นเส้นทางของผู้มีประสบการณ์ แต่การโค้ชนั่นจะเป็นการใช้คำถามเพื่อให้ผู้ที่ถูกโค้ช เป็นคนกำหนดเส้นทางของตัวเองขึ้นมาด้วยตัวเอง และเส้นทางเหล่านั้นจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับคน ๆ นั้นในการสร้างผลลัพธ์ให้กับเป้าหมายของตัวเอง

           ซึ่งในการ โค้ช ชิ่ง แต่ละครั้งนั้น นอกเหนือจากการตั้งคำถามแล้ว โค้ชยังจำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนเพื่อให้ผู้ถูกโค้ชได้มองเห็นตัวเองในมุมมองที่อาจจะเป็น Blindspot หรือจุดบอดที่ตัวเองยังไม่เคยเห็นอีกด้วย ซึ่งการได้มองเห็นตัวเองในมุมที่ไม่เคยมองเห็นมาก่อนนี้แหละ คือจุดเปลี่ยนในชีวิตของใครหลาย ๆ คนที่จะทำให้ชีวิตและมุมมองของชีวิตพลิกไปเลย และเมื่อพูดถึงมุมมองของชีวิตแล้ว หลาย ๆ คนก็คงจะเข้าใจดีว่ามุมมองสำคัญต่อชีวิตเราแค่ไหน เพราะการรับรู้ว่าเรากำลังลงมือทำอะไรบางอย่างอยู่ จริง ๆ แล้วเราลงมือทำไปเพื่ออะไร หรือการรับรู้ว่าสิ่งที่เรากำลังอยู่จริง ๆ นั้นสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้กับตัวเองและคนรอบข้างมากแค่ไหน จะสร้างแรงขับเคลื่อนในจิตใจของมนุษย์เราได้ในระดับที่หลายคนคงจะขาดไม่ถึง

          และความ Magical ของการโค้ชก็คือ กระบวนการทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโค้ชเก่ง ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโค้ชแนะนำได้ หรือไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโค้ชมีคำคมมาพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น แต่เป็นเพราะว่าผู้ที่ถูกโค้ชรับรู้และตกตะกอนได้ด้วยตัวเอง ผ่านการตอบคำถามที่โค้ชตั้ง และการสะท้อนจากโค้ช หรือก็คือการเปลี่ยนแปลงนี้ เกิดขึ้นในตัวของพวกเขา ด้วยตัวของพวกเขาเอง

โค้ชชิ่ง คือทางเลือกวิธีการสร้างทีมงานให้มีประสิทธิภาพ

             การสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพก็นับว่าเป็นเป้าหมายหนึ่งเป้าหมายได้เหมือนกัน และเมื่อขึ้นชื่อว่าเป้าหมายแล้วละก็ การโค้ชจะมีบทบาทในการช่วยให้คุณสร้างเส้นทางในการก้าวไปถึงเป้าหมายของคุณได้อย่างแน่นอน และหน้าที่ของผู้นำอย่างคุณคือการจัดการกับหัวข้อสามหัวข้อนี้ด้วยการตั้งคำถามจากการนำเทคนิคการโค้ชมาประยุกต์ใช้

1. โค้ชชิ่ง ระบุปัญหาที่ชัดเจน

             ปัญหาของคุณจะไม่สามารถถูกแก้ได้เลย ถ้าหากว่าคุณไม่รู้ต้นตอของปัญหาจริง ๆ ว่าเกิดจากอะไร ซึ่งแน่นอนว่าคุณที่เป็นผู้นำจะไม่ได้รับรู้รายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นในส่วนของการปฏิบัติงานในหน้างานจริง ๆ เท่ากับทีมงานของคุณที่กำลังรับผิดชอบงานส่วนนั้นกันอยู่ ดังนั้นแทนที่คุณจะพยายามจัดการกับปัญหานั้นจาก Report เพียงอย่างเดียว คุณลองมา “ ตั้งคำถาม “ กับทีมงานของคุณดูว่า Pain ของปัญหาอยู่ตรงไหน คอขวดที่ทำให้ทุกอย่างมันติดขัดอยู่คืออะไร

2. โค้ชชิ่ง หากระบวนการให้ชัดเจน

             ในยุคสมัยนี้การ Work hard หรือทำงานหนักอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้จำเป็นเสมอไป ในเมื่อคุณสามารถ Work smart หรือทำน้อยกว่าแต่ได้เท่ากัน หรือบางครั้งอาจจะได้มากกว่าด้วยซ้ำ เพราะในกระบวนการทำงานที่เกิดขึ้นอยู่อาจจะมีขั้นตอนที่ “ ไม่จำเป็น “ อยู่ก็เป็นได้ การใช้คำถามโค้ชชิ่งว่า “ เรากำลังใช้กระบวนการอะไรกันอยู่ “ และ “ กระบวนการนี้จะให้ผลลัพธ์อย่างไร “ จะทำให้คุณเห็นว่าอะไรที่คุณสามารถตัดออกได้ เพราะการทำงานที่มีประสิทธิภาพจริง ๆ นั้น ไม่จำเป็นจะต้องเอาตัวเองและทีมของคุณเข้าไปสุมอยู่กับงานกองมหาศาล แต่เป็นการเลือกแต่งานที่จะสร้างผลลัพธ์ที่คุ้มค่าให้กับคุณและทีมของคุณจริง ๆ ต่างหาก

3. โค้ชชิ่ง เพิ่มความเข้าใจ ไม่ใช่ขู่เข็ญ

             ความเข้าอกเข้าใจกัน คือองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้ทีมของคุณเป็น “ ทีม “ จริง ๆ ที่ไม่ใช่แค่ “ คนที่ร่วมงานกัน “ เพราะการเข้าใจและการสร้างความสัมพันธ์ในทีมนั้น เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของคนในทีม และคนที่จะต้องเริ่มสิ่งเหล่านี้ก็คือคุณที่เป็นผู้นำนั่นแหละ แค่คุณลองหันกลับมาสังเกตตัวเองว่า ใน Chat ที่คุณคุยกับทีมของคุณ มีอย่างอื่นนอกจากงานที่ทำไหม ? หรือว่าทั้งหมดในกล่องข้อความนั้นมีแต่การส่ง Link zoom การส่งงานไปมา การติดตามงาน มีแต่งาน งาน งาน งาน และ งาน คุณอาจจะกำลังใช้ทีมงานคุณเหมือนเครื่องมือในการทำงานมากจนเกินไปหรือเปล่า ? ครั้งสุดท้ายที่คุณคุยเรื่องสัพเพเหระกับทีมของคุณคือตอนไหน คุณเคยถามทีมไหมว่าช่วงนี้ Workload หนักเกินไปหรือเปล่า ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรที่คุณสามารถยื่นมือเข้าไปช่วยหรือแบ่งเบาได้ หรืออย่างน้อยที่สุด คุณก็สามารถเป็นผู้ฟังให้ได้

           เชื่อไหมว่าถึงแม้ว่าค่าตอบแทนจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ทีมงานคุณสามารถใช้ชีวิตปกติได้ แต่การเข้าใจกันจะทำให้คุณและทีมงานสร้างประสิทธิภาพและผลลัพธ์ได้ดีกว่าการมีโบนัสมาล่อเพียงอย่างเดียว ดังนั้นนอกจากคุณจะให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมแล้ว การเข้าใจทีมงานของคุณนี่แหละ ที่จะสร้างทีมให้เป็นทีมที่ทำงานร่วมกงานได้มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

โค้ชชิ่งช่วยการสร้างทีมงานให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร ?

           สมาชิกในทีมของคุณ ไม่ได้มีแต่สองมือเท่านั้น คุณไมได้เลือกคนเข้าทีมเพราะคุณต้องการเพียงแค่แรงงานเพิ่มเพียงอย่างเดียว แต่คุณเลือกพวกเขาเข้ามาเพราะคุณต้องการสมองของพวกเขาในการขับเคลื่อนองค์กรของคุณด้วย ดังนั้นการใช้ประโยชน์จากการโค้ชชิ่ง หรือศาสตร์การโค้ช จะช่วยให้คุณดังเอาศักยภาพของทีมงานของคุณออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะแกนการสร้างผลลัพธ์ของศาสตร์การโค้ชมาจากการใช้คำถาม และการใช้คำถามนี่แหละ ที่จะเปิดโอกาสให้กับทีมงานของพวกคุณได้แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่ได้แค่นั่งรอรับคำสั่งของคุณเพียงอย่างเดียว ซึ่งแน่นอนว่าการที่จะใช้คำถามได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นจะต้องมีองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน

           โค้ชมืออาชีพจะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการสื่อสารที่ดีได้ โค้ชมืออาชีพเป็นผู้ฟังที่ดี โค้ชมืออาชีพเป็นนักสะท้อนที่ดี และที่สำคัญก็คือโค้ชมืออาชีพสามารถเข้าถึงคนได้ดี และถ้าคุณสังเกตดี ๆ แล้วองค์ประกอบของการโค้ชก็ไม่ต่างอะไรกันกับองค์ประกอบในการสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพเลย คุณลองนึกสภาพที่ทุกคนอยู่ในพื้นที่การทำงานที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ มีพื้นที่การพูดและพื้นที่ในการฟังของตัวเอง และที่สำคัญคือทุกคนสามารถเข้าถึงกันและเข้าใจกันได้ องค์ประกอบง่าย ๆ เหล่านี้แหละที่จะทำให้ทีมของคุณผ่านปัญหาไปด้วยกันได้ ที่จะทำให้ทีมของคุณสามารถใช้ศํกยภาพของทุกคนได้อย่างเต็มที่ในการสร้างเส้นทางเดิมของพวกคุณด้วยมือของพวกคุณเอง และที่สำคัญก็คือการได้ผลลัพธ์ที่เป็นผลลัพธ์ของ ” ทีมคุณ ” จริง ๆ ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่ง คือการสร้างทีมที่เป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นทีมที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างแท้จริง ในวันนี้ผมมีสิ่งพิเศษที่นำมามอบให้ทุก ๆ ท่านที่อ่านมาถึงจุดนี้ คือ E-Book โค้ชทีมขายอย่างไรให้ยอดโต พร้อมวิดีโอสาธิตในนี้เรียบร้อย เพียงคุณสแกน QR Code รับได้ที่ด้านล่างทันที ไม่มีค่าใช้จ่าย ถึงแม้จะไม่เคยเรียนการโค้ช ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ อย่าลืมดาวน์โหลดกันนะครับ

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line : @LifeEnricher

Facebook: TheLifeEnricher

โทร: 02-017-2758, 094-686-6599

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า