
การสื่อสารสำหรับผู้นำในช่วง Work From Home
หลังจากที่เจอกับวิกฤตการณ์โรคระบาย COVID-19 รอบที่ 2 ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย เชื่อว่าหลายๆองค์กรเริ่มต้องกลับมาใช้วิธีการทำงานแบบ Work at home หรือ Work from home กันอีกครั้ง ซึ่งบรรยากาศการทำงานที่เปลี่ยนไปนี้ ย่อมจะมีผลกระทบกับการทำงานของบุคลากรในองค์กรแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในทางที่ดี หรือทางที่ต้องปรับปรุงก็ตาม
ดังนั้นสำหรับผู้นำที่ดี ก็ควรจะต้องควบคุมการทำงานในสภาวะที่แตกต่างออกไปแบบนี้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งความท้าทายที่ผู้นำทุกท่านน่าจะเจอเหมือนกันก็คือ ความแตกต่างของสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่นในเรื่องของการสื่อสาร โดยปกติแล้วจะเจอทีมที่สำนักงานหรือออฟิศตลอดเวลา สื่อสารเรื่องงานกันง่าย หัวหน้ามีอะไรอยากสื่อสารก็แค่เดินไปหากัน ทีมงานมีอะไรอยากจะแจ้งให้ทราบ รายงาน หรือมีปัญหาอยากจะสอบถาม คุณหัวหน้าทั้งหลายก็ไม่ได้อยู่ไกลกัน อีกหนึ่งปัญหาที่เจอกันไม่น้อยกว่าการสื่อสารก็คือ สภาพแวดล้อมในการทำงาน เพราะโดยมากแล้ว พื้นที่ในการทำงานขององค์กรหลายๆที่มักจะถูกออกแบบมาเพื่อให้กระบวนการในการทำงานเป็นไปได้อย่างรายรื่นที่สุด แต่เมื่อใช้มาตรการ Work from home ก็อาจจะเจอปัญหาสภาพแวดล้อมไม่เหมาะกับการทำงานได้ เช่น มีคนอยู่เยอะเสียงดัง ไม่มีพื้นที่ในการทำงานที่เหมาะสม หรือสำหรับชาว Extrovert ทั้งหลายอาจจะเจอปัญหา“ขาดสังคม” ซึ่งก็มีผลทำให้กระทบต่อการทำงานได้เช่นกัน
การสื่อสารที่ดีก็คือหนึ่งเครื่องมือที่มีส่วนช่วยในการควบคุม สังเกตและประเมินการทำงานของคนในทีมเมื่อต้องทำงานไกลกัน จากปกติที่เป็นการนัดกันในบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการประชุม การกระจายงาน การตรวจสอบ ฯลฯ ที่เกิดขึ้นครบจบในออฟฟิศ แต่เมื่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงบังคับให้ทำงานห่างกัน การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะมีส่วนช่วยในการทำงานของทั้งคุณที่เป็นผู้นำ และทีมของคุณ ให้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพได้ไม่แพ้การทำงานที่สำนักงานเลย
Daily meeting
เมื่อพูดถึงการประชุมก็มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน ซึ่งในแต่ละการประชุมก็จะมีจุดประสงค์แตกต่างกันไปตามเป้าหมายที่จัดการประชุมขึ้น ซึ่งรูปแบบในการประชุม 1 อย่างที่อยากจะแนะนำให้คุณใช้ในการทำงานแบบ Work from home คือการ Daily Meeting หรือการประชุมประจำวันนั่นเอง
การประชุมประจำวันจะมีส่วนช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการทีมของคุณได้ดีขึ้น เมื่อต้องทำงานห่างกัน เพราะ Daily meeting จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณติดตามการทำงานของทีมในแต่ละวันได้ชัดเจนมากขึ้น และด้วย Agenda ในการประชุมที่เหมาะสม จะทำให้ทีมของคุณมีโอกาสสื่อสารในรายละเอียดต่างๆที่คุณอาจจะสามารถแนะนำวิธีปรับปรุงพัฒนาในจุดต่างๆได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อดีอีกอย่างของการประชุมประจำวันคือกินเวลาไม่มากนัก เพราะช่วงในการพูดของแต่ละคนกินเวลาไม่ถึง 10 นาที สำหรับทีมที่มีขนาดเล็กก็ไม่น่าจะกินเวลาเกิน 60 นาทีเป็นอย่างมาก และไม่มีเงื่อนไขในการประชุมมาก ในช่วงที่ไม่ได้เจอกันก็สามารถใช้ Software สำหรับการสื่อสารอย่าง Zoom หรือ Google hangout ทดแทนการประชุมแบบเจอกันตามปกติที่บริษัทได้มีประสิทธิภาพไม่แพ้กันเลย
ตัวอย่าง Agenda ที่ทีมงานแต่ละคนจะต้องพูด ใน Daily Meeting ที่เกิดขึ้นทุกเช้าของ Life Enricher
1.ปัญหาที่เจอในการทำงาน
การสร้างพื้นที่ให้ทีมงานทุกคนสามารถสื่อสารเกี่ยวกับปัญหาในการทำงาน มีผลมากกว่าที่คุณคิด ซึ่งหลายๆคนอาจจะบอกว่า “ก็บอกกันทุกวันอยู่แล้วว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้พูด” แต่ในความเป็นจริงแล้ว การสื่อสารปัญหากับหัวหน้างานคือหนึ่งในประเด็นที่เกิดขึ้นน้อยที่สุด เพราะในชีวิตการทำงานแต่ละวัน เชื่อว่าคุณหัวหน้าก็มีงานให้รับผิดชอบไม่น้อย และอาจจะทำให้ไม่ได้มีเวลารับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำงานมากนัก หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเกิดอาการเกรงใจ ไม่กล้าพูด เพราะเห็นว่าคนอื่นก็ดูไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย จึงเลือกที่จะไม่พูดเพราะไม่อยากจะดูเป็นตัวปัญหาคนเดียว หรือเรื่องบางเรื่องอาจจะดูไม่ใช่เรื่องที่สลักสำคัญอะไร ซ้ำร้ายบางคนอาจจะเคยถูกต่อว่ากลับมาด้วยซ้ำเมื่อพูดปัญหาของตัวเอง
ดังนั้นการสร้างพื้นที่ให้ทีมงานแต่ละคนได้พูดถึงปัญหาของตัวเองที่เจอมาในแต่ละวัน จะทำให้คุณเห็นอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับคนแต่ละคน ซึ่งปัญหาบางอย่างอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่แค่ได้พูดออกมา และมีคนคอยรับฟังก็มีส่วนช่วยให้สภาวะอารมณ์ในการทำงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลองจิตนาการดูเล่นๆว่า ถ้าทีมของคุณบางคนพูดขึ้นว่า เขากำลังเจอปัญหาอะไรบางอย่างอยู่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม และคุณแค่พูดประโยคเดียวสั้นๆว่า “อยากให้พี่ช่วยอะไรไหม” “ผมชัพพอร์ตอะไรคุณได้บ้างรึเปล่า” แค่ประโยคเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ก็อาจจะมีผลกับสภาวะอารมณ์ของทีมคุณได้แล้ว หรือถ้าเป็นเรื่องที่สำคัญ นี่ก็เป็นโอกาสดีที่คุณจะสามารถยื่นมือเข้าไปช่วยทีมคุณได้ในตอนที่เขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ
นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรในการสื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมาได้ดีอีกอย่างหนึ่งด้วย เพราะการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้มีประโยชน์แค่การสื่อสารกับคุณที่เป็นหัวหน้า แต่ยังมีประโยชน์ในการสื่อสารกับสมาชิกในทีม หรือกับบุคลากรในทีมอื่น/แผนกอื่นๆอีกด้วย

2.เมื่อวานทำอะไรบ้าง
หลังจากที่พูดปัญหาแล้ว จะเป็นการทบทวนว่ากิจกรรมเมื่อวานนี้ทำอะไรบ้าง ได้ผลลัพธ์อะไรบ้าง ใน หัวข้อนี้จะทำให้คุณสามารถสังเกตและประเมินการทำงานของทีมคุณแต่ละคนได้ง่ายมากขึ้น คุณจะเห็นว่าแต่ละคนใช้เวลาเท่าไหร่กับงานแต่ละชิ้น และปัญหาที่เขาสื่อสารมาในหัวข้อที่แล้วมีผลกับการทำงานมากแค่ไหน นี่คือจุดที่คุณจะสามารถให้คำแนะนำกับทีมของคุณได้
ประโยชน์อื่นๆของหัวข้อนี้คือ ทุกคนในทีมจะเห็นการทำงานของสมาชิกคนอื่นๆในทีมด้วย ทำให้การทำงานเป็นทีมมีประสิทธิภาพมากขึ้น และอาจจะเกิดการช่วยกัน/สนับสนุนกันในทีมมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างแรงกระตุ้นในการทำงาน เพราะถ้าทีมคุณทำงานแบบไม่มีประสิทธิภาพ และถึงเวลา Daily Meeting ไม่ได้มีอะไรพูดในหัวข้อนี้มากมายนักก็คงจะไม่ดีกับตัวเขาเองเท่าไหร่นัก
3.วันนี้จะทำอะไรบ้าง
การวางแผนเป็นสิ่งสำคัญ และหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมในการวางแผนการทำงานในแต่ละวันที่ดีคือการประกาศแผนการทำงานในแต่ละวันของตัวเองออกมา ซึ่งนอกจากจะช่วยฝึกการวางแผนการทำงานแล้ว ยังเปิดโอกาสให้คุณ หรือสมาชิกในทีมคนอื่นสื่อสารเพื่อจัดการลำดับความสำคัญในการทำงานในแต่ละวันได้อีกด้วย
4.วันนี้จะทำอะไรให้ดีขึ้นกว่าเมื่อวานบ้าง?
“การพัฒนาเกิดขึ้นทุกวัน” ผู้นำทุกคนต้องอยากให้ทีมคุณพัฒนาขึ้นอยู่แล้ว และถ้าคุณอยากให้วลีนี้เกิดขึ้นในองค์ การประกาศออกมาว่าวันนี้จะทำอะไรให้ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน ซึ่งพัฒนาการเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่อลังการเสมอ เพียงแค่แต่ละคนพยายามหาวิธีปรับปรุงเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น หรือพยายามทำให้งานที่เกิดขึ้นผลลัพธ์ออกมาดีขึ้น หรือจะเสร็จเร็วขึ้นก็ได้ทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณจะต้องมีเผื่อให้ หัวข้อนี้เกิดขึ้นได้มีประสิทธิภาพคือ การยอมรับ และการเพิ่มพลังด้วยการให้กำลังใจ (Empower) สมมุติว่าทีมงานคนนึงของคุณประกาศออกมาว่า “วันนี้จะกินน้ำให้เยอะขึ้นครับ เพราะเมื่อวานดิ่มน้ำน้อย ตอนใกล้จะเลิกงานรู้สึกไม่ค่อยมีสมาธิ” แต่คุณกลับบอกไปว่า “แค่นี้ไม่ได้ทำให้บริษัทเติบโตขึ้นหรอก ไปหาอะไรที่มีผลกว่านี้มารายงานผม” คุณคิดว่าจะเกิดการพัฒนาได้ไหม เปรียบเทียบกับการชื่นชมว่า “ดีมากที่คอยสังเกตสุขภาพตัวเองในระหว่างวัน คุณเป็นหนึ่งในบุคลากรที่มีค่ากับผมและทีมเรานะ ดูแลตัวเองด้วย” ไม่ต้องพูดถึงทีมงานเลย ตัวคุณเองก็คงจะเลือกเองได้ว่าอยากได้การตอบรับแบบไหนมากกว่ากัน ดังนั้นการยอมรับในสิ่งที่ทีมงานคุณมี ในความตั้งใจที่ทีมงานคุณประกาศออกมา คือสิ่งที่จะทำให้เกิดการให้กำลังใจที่เหมาะสมที่จะช่วยให้ทีมงานของคุณมีสภาวะอารมณ์ในการทำงานแต่ละวันดีขึ้นนั่นเอง
จะเห็นได้ว่า Daily meeting จะทำให้บุคลากรแต่ละคนในทีม ทนทวนปัญหา ย้อนกลับไปสังเกตเนื้องานของเมื่อวาน วางแผนงานในวันนี้ และพัฒนาการทำงานของตัวเอง ซึ่งจะไม่ได้ใช้เวลามากมายนักในช่วงเช้าของวันก่อนเริ่มงาน แต่การพูด 4 หัวข้อนี้ในตอนเช้า จะทำให้การทำงานตลอดทั้งวันของแต่ละคนมีประสิทธิภาพมากขึ้นแน่นอน

Daily Report
ถ้า Daily meeting เป็นการสื่อสารตอนเช้า Daily report ก็เป็นการสื่อสารตอนเย็นก่อนเลิกงาน จุดประสงค์ในการสื่อสารตอนเช้าคือการทบทวนการทำงานของเมื่อวานและวางแผนการทำงานของวันนี้ จุดประสงค์ในการสื่อสารก่อนเลิกงานก็คือการทบทวนการทำงานในแต่ละวัน และวางแผนล่วงหน้าผ่านการส่ง E-mail ในแต่ละวัน
เนื้อหาของอีเมล์เลิกงานประจำวันลองพนักงานใน Life Enricher
1.เรียนรู้อะไรบ้างในวันนี้
“การเรียนรู้เกิดขึ้นตลอดเวลา” เหมือนกับวลีที่ว่า “การพัฒนาเกิดขึ้นได้ทุกวัน” ที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า หัวหน้างานทุกคนอยากให้เกิดขึ้น ความแตกต่างของหัวข้อนี้ก็คือ การพัฒนาคือการตั้งเป้าที่จะพัฒนาตัวเองในพื้นที่ต่างๆ หัวข้อต่างๆ ฯลฯ แต่การเรียนรู้คือการทบทวนตัวเองในวันนี้ ว่าผ่านเหตุการณ์อะไรมาบ้าง เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และเหตุการณ์เหล่านั้น ให้อะไรกับเราบ้าง?
ซึ่งการเรียนรู้เป็นสิ่งที่เปิดกว้าง ตั้งแต่การหา Flow การทำงานแบบใหม่ที่ดีขึ้น ในแบบของตัวเอง หรือการมองเห็นว่าวิธีการทำงานแบบใหม่เจอปัญหาอะไร มีวิธีแก้ไหม จะหลีกเลี่ยงอย่างไร? หรืออาจจะเป็นการจัดการเรื่องส่วนตัวที่อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานโดยตรงก็ได้ เช่น “วันนี้เห็นแล้วว่าทำไมกลับบ้านมาน้องหมาถึงเล่นทิชชูเละทุกที ทั้งๆที่เก็บไว้สูงแล้ว มันเพราะว่าเวลาน้องกระแทกประตูแรงๆแล้วทิชชูจะร่วงลงมา พรุ่งนี้จะเปลี่ยนที่เก็บแล้ว” ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่เกี่ยวกับงานเลยก็ตาม แต่อย่าลืมว่าบุคลากรของคุณไม่ได้มีชีวิตอยู่แค่เพื่อทำงานให้คุณอย่างเดียว เขายังมีชีวิตด้านอื่นๆด้วย ซึ่งการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเรื่องไหน มิติไหนของชีวิตก็ตามย่อมเป็นผลดีต่อตัวบุคคลอย่างแน่นอน และถ้าตัวบุคคลพัฒนาขึ้น เชื่อว่าการพัฒนาที่เกิดขึ้นนั้นนอกจากจะส่งผลดีต่อตัวเขาเองแล้ว ก็จะส่งผลดีต่อคุณ ทีมของคุณ หรือบริษัทของคุณ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน
2.วันนี้ทำอะไรสำเร็จแล้วบ้าง
หลังจากที่ช่วงเช้าประกาศไปเรียบร้อยว่าวันนี้จะทำงานอะไรบ้าง ช่วงเย็นจะเป็นการทบทวนว่า วันนี้ทำงานได้ตามเป้าที่ประกาศไปช่วงเช้าได้หรือไม่? เป็นการรักษา Integrity ของตัวเองว่าได้ทำตามที่พูด หรือถ้าไม่สามารถทำได้ เป็นเพราะปัญหาอะไรบ้าง?
นอกจากจะเป็นการทบทวนตัวเองของบุคลากรแล้ว สำหรับหัวหน้าก็จะง่ายสำหรับการตรวจงานในแต่ละวันด้วย ในกรณีที่เป็นงานใหม่ที่ส่งให้ทำเป็นครั้งแรก หรือเป็นงานที่จำเป็นจะต้องคอยติดตามอยู่ตลอด
3.พรุ่งนี้จะทำอะไรให้สำเร็จ
ก่อนที่จะสื่อสารใน Daily meeting ให้ทีมฟังถึงแผนการทำงานในวันนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ซึ่งการกิจวัตรในการวางแผนการทำงานวันต่อไปในช่วงท้ายของการทำงานในแต่ละวัน คือหนึ่งในวิธีการบริหารการทำงานของตัวเองที่ดีที่สุด ซึ่งนอกจากประโยชน์ในการวางแผนการทำงานแล้ว ยัง ทำให้โฟกัสกับงานแต่ละชิ้นได้ดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบที่หลากหลาย การเปลี่ยนโฟกัสที่เหมาะสมจะทำให้รับมือกับเนื้องานที่แตกต่างออกไปได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

4.วันนี้อยากชื่นชมตัวเองเรื่องอะไรบ้าง
ทุกๆคนอยากได้คำชมจากคนอื่น แต่สิ่งที่หลายๆคนไม่เคยทำเลยคือ “ชื่นชมตัวเอง” และเชื่อหรือไม่ว่า การชื่นชมตัวเองมีส่วนในการช่วยสร้างความมั่นใจมากขึ้น กว่าที่คุณคิด เพราะคำชมมักจะมาจากความประทับใจที่คนหนึ่งคน มีต่อคนอีกหนึ่งคน แต่ความประทับใจที่เกิดชึ้นในตัวเอง บางครั้งก็ไม่ได้รับการยอมรับ หรือถูกเห็นคุณค่าจากสายตาคนอื่น ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าไม่ควรจะได้รับคำชม ตัวคุณเอง ก็สามารถชมตัวเองได้เหมือนกัน ในเมื่อคุณประทับใจในตัวเอง ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่ชมตัวเอง ซึ่งถ้าหากว่าการประกาศว่าฉันเก่งเรื่องนี้จังเลยจะเป็นการสื่อความหมายที่ไม่ดีนักในสังคมบางส่วน การชื่นชมตัวเองผ่าน E-mail ถึงหัวหน้างานที่มีคุณสมบัติในการ “ยอมรับ และให้กำลังใจ” เหมือนที่กล่าวไปข้างต้น ก็เป็นการเริ่มความมั่นใจในตัวเองที่ดีมากอย่างหนึ่ง และคุณในฐานะหัวหน้า การยอมรับและให้กำลังใจเล็กน้อยๆ ก็จะทำให้สภาวะทางอารมณ์ของทีมคุณดีขึ้นได้อีกเช่นกัน
5.อยากขอบคุณเรื่องอะไรในวันนี้บ้าง
การขอบคุณ คือการเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆรอบตัวเรา และนั่นหมายถึงเป็นการเห็นประโยชน์ของสิ่งต่างๆรอบตัวเราด้วย และการหาประโยชน์ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คุณคิด เพราะทุกเรื่องบนโลกล้วนมีข้อดีบางอย่างที่คุณดึงออกมาจากมันเสมอ ถึงแม้ว่าบางอย่างคุณอาจจะมองว่าไม่มีประโยชน์เลย สิ่งนั้นจะมีประโยชน์แฝงอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม และการฝึกหาประโยชน์ลักษณะนี้จะเป็นการฝึกมุมมองให้เรามองเรื่องบางเรื่องให้รอบด้านมากขึ้น และการมองให้รอบด้านมากขึ้น จะทำให้เห็นโอกาสที่เกิดขึ้นในแต่ละเรื่อง แต่ละเหตุการณ์ได้มากขึ้นด้วย ซึ่งถ้าทีมของคุณกลายเป็นทีมที่สามารถมองเห็นโอกาสในสถานการณ์ต่างๆได้ดีเยี่ยม เชื่อว่าน่าจะเกิดประโยชน์ต่อการทำงานไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน
ประโยชน์อีกข้อหนึ่งก็คือ การรับรู้ตลอดเวลาว่า ทุกๆความสำเร็จของเรา มีอะไรอยู่เบื้องหลังความสำเร็จนั้นเสมอ ซึ่งหลายๆคนหลังจากที่อ่านหัวข้อเรื่องการชื่นชมตัวเองไปแล้ว อาจจะกังวลว่า “ถ้าพนักงานมั่นใจในตัวเองมากเกินพอดี จะมีผลกระทบต่อการทำงานเป็นทีมหรือไม่?” การขอบคุณทำให้ความมั่นใจในตัวเองไม่เปลี่ยนกลายเป็นความทะนงตนที่ไม่ยอมฟังใครเพราะฉันเก่ง เพราะการขอบคุณทำให้ตัวบุคคลเห็นว่า ในความสำเร็จที่เกิดขึ้นวันนี้ มีอะไรเป็นส่วนช่วยในความสำเร็จเหล่านั้นบ้าง
จะเห็นได้ว่าการสื่อสารที่ดี ไม่ได้มีประโยชน์แค่การสั่งงาน การตรวจงาน และการทำงานเท่านั้น แต่ยัง ทำให้เกิดการพัฒนาในตัวบุคคล ทั้งในด้านการวางแผน การพูดปัญหาอย่างตรงไปตรงมา และยังช่วยในเรื่องของความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย และถ้าทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างสภาวะที่ไม่ปกติในปัจจุบัน นั่นก็หมายความว่า คุณเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพคนหนึ่ง ดังนั้นในฐานะที่คุณเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง คำถามที่อยากจะทิ้งท้ายในวันนี้คือ
“คุณจะเลือกกลยุทธ์ในการสื่อสารอย่างไร เพื่อให้การทำงานราบรื่นในสภาวะไม่ปกติ
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line : @LifeEnricher
Facebook: TheLifeEnricher
โทร: 02-017-2758, 094-686-6599