Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.
...มี growth mindset แบบ สุดยอดนักธุรกิจ ...
ทุกคนเข้าใจดีว่ามนุษย์ทุกคน มีองค์ประกอบทางร่างกายเท่าเทียมกัน มีสมองสองมือสองเท้าเท่ากัน แต่ทำไม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับแต่ละคนถึงได้แตกต่างกัน เพราะ มี growth mindset ที่ต่างกัน คนโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อนุบาลไปยันจบมหาลัยเดียวกัน มีเกรดเฉลี่ยใกล้เคียงกันตลอด แต่ทำไมทั้งสองคนถึงออกมาสร้างผลลัพธ์ในชีวิตได้ไม่เท่ากัน ทั้ง ๆ ที่พวกเขาทั้งคู่ก็มีทรัพยากรในชีวิตไม่ได้ต่างอะไรกันมากมาย นักกีฬาบางกลุ่มที่ฝึกซ้อมในสภาพแวดล้อมด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่คุณก็จะสังเกตเห็นได้ว่าจะมีดาวรุ่งพุ่งนำคนอื่นอยู่คนหนึ่งเสมอ
แน่นอนว่าองค์ประกอบที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ในชีวิตของแต่ละคนก็คงมีอยู่หลากหลายรูปแบบ บางคนอาจจะมีปัญหาทางบ้าน บางคนอาจจะรู้สึกว่าเข้ากับคนอื่นลำบาก บางคนอาจจะอยากเลือกทางเดินที่มั่นคงกว่าการออกมารับความเสี่ยงด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วก็คงจะมองข้ามคำว่า “ GrowthMindset “ ไปไม่ได้เลย
เพราะ Mindset หรือความคิดของคุณคือสิ่งที่จะกำหนด “ ความจริง “ ในชีวิตคุณ ลองสังเกตง่าย ๆ ว่า คนที่บอกว่าตัวเองไม่เก่งภาษา ก็จะใช้ภาษาที่สองที่สามได้อยู่ไม่ดีไปแบบนั้น คนที่บอกว่าตัวเองไม่กล้าคุยกับคน ก็จะยังไม่กล้าคุยกับคนไปอยู่แบบนั้นไปเรื่อย ๆ เพราะชุดความคิดจะทำให้คุณเลือกรับข้อมูลแต่สิ่งที่ล้อกับความคิดของคุณ ถ้าคุณเสพข่าวมาก ๆ เข้าแล้วคุณมองว่าตำรวจเป็นอาชีพที่ไม่น่าคบหา คุณก็จะเอาตัวเองไปโฟกัสกับตำรวจที่ทำตัวไม่เหมาะสม ทั้ง ๆ ที่ตำรวจดี ๆ ก็ยังมีอยู่ในสังคม แต่เพราะคุณเลือกที่จะมองอยู่แค่จุดที่คุณคิด เรื่องอื่นก็จะถูกลบไปจาก “ ความจริง “ ของคุณนั่นแหละ เหมือนกับตัวอย่างที่เอาแต่มองเห็นตำรวจที่ไม่น่ารัก จนลืมมองตำรวจที่คอยทำหน้าที่ช่วยเหลือสังคมตลอดเวลาไป
ในแวดวงการทำงานก็เช่นเดียวกัน ผลลัพธ์และความสำเร็จที่เราเห็นจากคนที่ประสบความสำเร็จมากมายในสังคมก็ล้วนมีต้นเหตุมาจาก Mindset ที่แตกต่างนั่นเอง หลายคนอยากจะทำธุรกิจเป็นของตัวเอง อยากจะออกมาสร้างความสำเร็จให้ตัวเอง อยากจะขยับออกมาจาก Comfort zone เก่า ๆ ของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วต่อให้เวลาล่วงเลยไปนานแค่ไหน 3 ปีก็แล้ว 5 ปีก็แล้ว หรือ 10 กว่าปีก็แล้ว ก็ยังคงไม่สามารถเริ่มอะไรเป็นของตัวเองได้ ทั้ง ๆ ที่ความสามารถก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นเท่าไหร่เลย ซึ่งถ้าคุณมั่นใจว่าตัวเองมีศักยภาพมากพอ และต้องการพาตัวเองออกมาสร้างผลลัพธ์แบบที่ตัวเองต้องการ ลองมาสังเกต Mindset ของผู้ประกอบการกันว่า ชุดความคิดแบบไหนที่ทำให้พวกเขาก้าวออกมาสร้างความสำเร็จให้กับตัวเองได้
1. growth mindset for dream big
แรงขับเคลื่อนของทุกคนมาจากความฝันของตัวเอง ความต้องการของตัวเอง ความกระหายของตัวเอง คนที่เป็นผู้ประกอบการจะเป็นคนที่ฝันใหญ่ ใหญ่มาก ๆ จนถึงขนาดที่พวกเขามีแรงขับเคลื่อนให้ไปสุดตลอดทั้งวัน ทุกวัน ไปเป็นเดือน เป็นปี หรือหลายสิบปี นั่นเพราะว่าสิ่งที่เขาต้องการมันยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่คนอื่นเห็น บางคนอาจจะเคยมีความคิดว่า “ ทำได้ขนาดนั้นแล้ว ไม่คิดจะผ่อนหน่อยหรอ ไม่เหนื่อยหรอ “ หรืออาจจะเคยพูดกันออกมาว่า ” ถ้าได้เท่านั้นจะหยุดแล้ว จะเกษียณแล้ว “
เราจะไม่ตัดสินว่าแบบไหนดี หรือว่าแบบไหนไม่ดี คนที่บอกว่าได้เท่านั้นพอแล้ว เท่านี้พอแล้ว นั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของพวกเขา เพราะพวกเขาอาจจะมีฝันที่ใหญ่กว่าอยู่ในพื้นที่อื่นก็เป็นไปได้ แต่สำหรับผู้ประกอบการ ฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาจะผลักดันและกระตุ้นให้พวกเขา ทำ ทำ ทำ และทำอย่างต่อเนื่อง เพราะสิ่งที่เขาได้ตอนนี้ สิ่งที่คนอื่นอาจจะมองว่า “ พอแล้ว “ ในตอนนี้ มันยังไม่พอสำหรับพวกเขา นั่นจะทำให้พวกเขาเป็นเหมือนดาวฤกษ์ที่มีพลังล้นเหลืออยู่ตลอดเวลา และคอยฉายแสงไปหาดาวดวงอื่น ที่มีอุดมการณ์และความต้องการใกล้เคียงกันกับเขา ให้สามารถทอแสงไปได้ด้วยกัน
ดังนั้นความฝันใหญ่จะเป็นชุดความคิดที่ทำให้คนที่เป็นผู้ประกอบการมีคุณสมบัติแล้วสองอย่างก็คือ เป็นคนที่สามารถขับเคลื่อนตัวเองได้ กระตุ้นตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องโดนเร่ง ไม่ต้องโดนจี้ก็พร้อมที่จะเดินหน้าอยู่ตลอดเวลา และสองก็คือ พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรอบตัว ให้กับทีมที่กำลังเดินทางไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
2. Persistent
แน่นอนว่าทุกทางเดินย่อมต้องมีอุปสรรค มีปัญหาและเรื่องไม่คาดคิดให้คุณคอยแก้ไขตลอดเวลา ดังนั้น Mindset ต่อมาที่ผู้ประกอบการทุกคนมีอยู่ในตัวก็คือ ความไม่ลดละ ความกัดไม่ปล่อย และความไม่ย่อท้อ
ซึ่งความไม่ลดละนี้จะเกิดขึ้นได้จริง ๆ ก็ต่อเมื่อคุณมีมุมมองเกี่ยวกับความล้มเหลวที่เปลี่ยนไป หลายคนมองว่าการเดินไปข้างหน้าก็เหมือนการนับเลขไปเรื่อย ๆ ถ้าสำเร็จก็บวกเพิ่มเข้าไป แต่ถ้าล้มเหลวก็จะลดลงมา หลาย ๆ คนเริ่มท้อแท้กับความคิดนี้ เพราะไม่ว่าจะบวกขึ้นมาแค่ไหน ก็จะมีเหตุการณ์มาผลักพวกเขาให้ล้มและลดลงมาได้ตลอดเวลา และนั่นจะทำให้พวกเขารู้สึกห่อเหี่ยว รู้สึกหมดแรง และอาจจะถอดใจไปเลยในที่สุด
แต่ผู้ประกอบการจะมีมุมมองเกี่ยวกับความล้มเหลวที่แตกต่าง เพราะผลลัพธ์ของเขามันไม่ได้ถูกตัดสินด้วยความเล็กน้อยแค่นี้ แต่ผลลัพธ์ของเขาจะเกิดขึ้นมาได้ จะต้องมีความล้มเหลวผสมอยู่ในนั้นด้วย เพราะฉะนั้นภาพที่พวกเขาเห็นกับความผิดพลาดหรือความล้มเหลวจะไม่ใช่การถอยหลังเหมือนเดิมแล้ว แต่จะเป็นการเดินไปข้างหน้าควบคู่ไปกับความล้มเหลว คุณอาจจะเคยสังเกตได้หลาย ๆ ครั้งว่าคนที่ประสบความสำเร็จบางคนจะรู้สึกไม่สบายใจที่ทุกอย่างมันราบรื่นมากเกินไป นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขากำลังหวาดระแวงความล้มเหลว แต่พวกเขากำลังเสียดายโอกาสที่จะพัฒนาขึ้นจากความล้มเหลวไปต่างหาก
3. Responsible
ความรับผิดชอบดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะต้องมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพราะถ้าหากว่าไม่มีความรับผิดชอบ คงจะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ดีเท่าไหร่นัก ถ้าไม่รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองทั้งเรื่องครอบครัว ถ้าพ่อแม่ไม่เลี้ยงดูบุตรหลานอย่างเหมาะสม ถ้าทีมงานไม่รับผิดชอบส่งงานตามกำหนด ก็คงจะเหมือนจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งหายไปจากโปรเจคที่สำคัญและทำให้งานนั้นล้มเหลวในที่สุด หรือถ้าไม่ล้มเหลวก็หมายความว่าสิ่งที่คุณรับผิดชอบไม่ได้ถูกผลักไปเป็นภาระให้คนอื่นต้องมาจัดการแทน
แต่ความรับผิดชอบของผู้ประกอบการมีมากกว่านั้น ผู้ประกอบการนอกจากจะต้องรับผิดชอบหน้าที่และความฝันของตัวเองแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องรับผิดชอบทีมงานที่ร่วมเดินทางไปกับความฝันของเขาอีกด้วย ดังนั้นหน้าที่และสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องแบกรับก็ย่อมมีมากกว่าเป็นปกติ และยิ่งความฝันของพวกเขาใหญ่แค่ไหน ความรับผิดชอบของเขาก็ต้องใหญ่ตามไปด้วย
และความรับผิดชอบก็ไม่ได้มีแค่หน้าที่การงานและการรับผิดชอบทีมงานเท่านั้น ผู้ประกอบการจะต้องรับได้ทั้ง “ ผิด “ และรับได้ทั้ง “ ชอบ “ ในเวลาเดียวกัน เมื่อล้มเหลวก็ต้องรับความผิดที่เกิดขึ้นได้ รับสิ่งที่ตัวเองจะต้องทำเพื่อแก้ไขให้ผ่านสถานการณ์นั้นไปด้วย ไม่ใช่ว่าจะรับได้แต่ความชอบของตัวเองอย่างเดียว ถึงเวลาอะไรผิดพลาดขึ้นมาก็ชี้นิ้วใส่ทีมงานอย่างเดียว
4. Adaptive
ทุกคนรู้และเข้าใจดีว่าโลกเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา องค์ประกอบและเงื่อนไขของความสำเร็จก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดโดยที่เราไม่สามารถเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ทุกเรื่อง ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ลองนึกภาพดูว่าเมื่อสมัยก่อนที่ยังไม่มีการสื่อสารบนโลกออนไลน์ การโฆษณาสินค้าและธุรกิจของตัวเองจะอยู่บนโทรทัศน์และป้ายโฆษณาตามท้องถนน แต่เมื่อโลกออนไลน์เข้ามามีบทบาทในสังคม คนที่ไม่ยอมปรับตัว ไม่ปรับเข้าหากระแสสังคมที่เปลี่ยนไป ก็จะสูญเสียพื้นที่ในการแข่งขันกับธุรกิจคู่แข่งไป คุณอาจจะไม่ต้องเป็นผู้ประกอบการก็คงจะพอเดาออกว่า ธุรกิจที่สร้างตัวตนและใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์ได้สูงก็ดูจะมีการพัฒนาและเติบโตกว่าธุรกิจที่ยังไม่ปรับตัวเข้ากับโลกออนไลน์ ยังหวังกับการโฆษณา offline เหมือน 10-20 ปีก่อน จริงไหม ?
ไม่ใช่แค่เจ้าของธุรกิจที่ต้องการพื้นที่โฆษณาเท่านั้นที่ต้องปรับตัว สถานีโทรทัศน์ที่เคยเป็นพื้นที่โฆษณาสูงสุดในสมัยก่อนก็ต้องปรับตัวเช่นกัน หลายสถานีเริ่มขยับมาเพิ่มช่องทางออนไลน์ให้ผู้คนได้เข้าถึงมากขึ้นตามยุคสมัย เช่นเดียวกันกับธุรกิจของคุณที่ในตอนนี้อาจจะยังดูราบรื่น ไม่มีใครมาสร้าง Disruption ได้ง่าย ๆ แต่คุณไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้ 100% ว่าต่อไปจะมีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาเป็นอุปสรรคของคุณหรือเปล่า ดังนั้นจงเตรียมความพร้อมที่จะเปลียนแปลงอยู่เสมอ
และวิธีที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุดก็คือ การเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะทำให้คุณได้รับข่าวสารอยู่ตลอดเวลา ได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นและกำลังพัฒนาอยู่เป็นประจำ คุณสมบัตินี้นอกจากจะทำให้คุณพัฒนาอย่างต่อเนื่องแล้ว จะทำให้คุณรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้นอีกด้วย เพราะคุณจะลดความ “ ไม่รู้ “ ของตัวเองลง ซึ่งถ้าคุณรับรู้อะไรตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้คุณไหวตัวได้ไวกว่า และจัดการกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ดีกว่านั่นเอง
5. Gutsy
ความกล้า ความกึ๋น เป็นหนึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องมี เพราะถ้าหากว่าคุณไม่มีความกล้าแล้ว การจะเริ่มธุรกิจสักอย่างเป็นของตัวเองก็แทบจะทำไม่ได้เลย
ซึ่งความกล้านี้ก็ไม่ได้จำเป็นแค่ตอนที่จะเริ่มต้นเท่านั้น แต่จำเป็นจะต้องมีอยู่กับตัวเองตลอดเส้นทางของธุรกิจของคุณ คุณจะต้องกล้าที่จะรับความเสี่ยง กล้าที่จะลงทุนทรัพยากรของตัวเองกับธุรกิจที่กำลังเริ่มต้นขึ้น กล้าที่จะรับฟังข้อครหาจากคนภายนอกในวันที่คุณยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการ กล้าที่จะรับผิดชอบและแบกรับภาระอันใหญ่ในวันที่เกิดปัญหา กล้าที่จะตอบแทนให้กับพนักงานคุณภาพสูงในองค์กร และกล้าที่จะคัดเลือกบุคลากรที่ไม่เหมาะสมกับการทำงานร่วมกันให้แยกทางกันออกไป เพราะถ้าเกิดว่าคุณไม่กล้าพอ คุณไม่เด็ดขาดมากพอ ทางเดินที่ควรจะต้องชัดเจนมันก็จะกลายเป็นภาพที่เบลอ ๆ เลือนลาง ไม่รู้ว่าจะต้องซ้ายดีหรือขวาดี ซึ่งนอกจากคุณจะเดินต่อไม่ได้แล้ว ทีมของคุณก็จะหยุดชะงักตามคุณไปด้วย
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line : @LifeEnricher
Facebook: TheLifeEnricher
โทร: 02-017-2758, 094-686-6599