
Specialized Coaching การโค้ชเฉพาะทางมีอะไรบ้าง? แตกต่างอย่างไร?
ถึงแม้ว่าการโค้ช (Coaching) จะไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนักในวงกว้าง หรืออาจจะถูกเข้าใจผิดๆในหลายสถานการณ์และบริบท แต่สำหรับสังคมของผู้ที่รักการพัฒนาตัวเองน่าจะคุ้นเคยและเข้าใจถึงหลักการของทักษะการโค้ช และหน้าที่ของโค้ชที่มีต่อผู้ที่ถูกโค้ช (Coachee) เป็นอย่างดีแน่นอนว่า การโค้ชคือกระบวนการสนับสนุนการพัฒนาตัวเองของบุคลลในเป้าหมายที่ตั้งไว้ และในผลลัพธ์ที่อยากให้เกิดขึ้น โดยการใช้คำถามเพื่อดึงศักยภาพภายในของ Coachee ออกมาสร้างผลลัพธ์ด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพและเป็นไปได้จริง ภายในเวลาที่กำหนดไว้
แน่นอนว่าโค้ชทุกคนที่ได้รับการอบรมมาจากสถาบันชั้นนำที่ได้รับการรับรอง และผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มข้น ล้วนมีความสามารถและทักษะสำหรับการโค้ช เพื่อเป้าหมายอะไรก็ได้ทุกเป้าหมายและทุกผลลัพธ์ที่ Coachee ต้องการ แต่การโค้ชก็เหมือนกับสังคมอื่นๆที่นอกจากการโค้ชที่ครอบคลุมทุกหัวข้อแล้ว ก็ย่อมจะมีการโค้ชแบบ “เฉพาะทาง” เช่นเดียวกัน เพราะอย่างที่ทราบกันว่า หัวข้อที่ที่หลายๆคนอยากจะพัฒนาตัวเองมีหลากหลายหัวข้อที่แตกต่างกันออกไปตามมิติต่างๆในชีวิต และความแตกต่างของโค้ชเหล่านี้คือ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ เพราะช่วงเวลาที่พวกเขาฝึกฝนมาอย่างเข้มข้นทั้งหมดโฟกัสไปที่หัวข้อที่พวกเขาถนัดเป็นส่วนมาก โค้ชบางคนอาจจะมีหหัวข้อที่ถนัดเพียงหัวข้อเดียว แต่บางคนก็อาจจะมีมากกว่า 1 ก็ได้
“แล้วประสบการณ์ของโค้ชจะส่งผลอย่างไร?” หลายๆคนอาจจะมีคำถามทำนองนี้ เพราะการโค้ชไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อให้โค้ชแนะนำ แล้วประสบการณ์ของโค้ชจะมีผลมากน้อยแค่ไหน?
คำตอบคือ โค้ชที่มีประสบการณ์ จะเข้าใจ Pain หรือปัญหาที่ Coachee กำลังประสบอยู่ได้ง่ายและรวดเร็วกว่า ยกตัวอย่างเช่น Business Coach ที่มีประสบการณ์การโค้ชให้ผู้ประกอบการหลายรูปแบบตั้งแต่ระดับเริ่มต้นที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ ระดับกลางที่กำลังมองหาลู่ทางการเติบโต ไปจนถึงธูรกิจชั้นนำที่ต้องการพัฒนาไปอีกชั้นเพื่อชิงความเป็นหนึ่งกับคู่แข่ง ย่อมจะมีประสบการณ์ที่ทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์หรือปัญหาที่ Coachee กำลังเจอได้ง่าย และในบางครั้ง หากว่า Coachee ต้องการคำแนะนำ โค้ชจะสามารถให้มุมมองที่มีจากประสบการณ์ที่ตัวโค้ชเคยเจอมาได้หลากหลายและลึกกว่าอย่างแน่นอน
ดังนั้นสำหรับคนที่มีเป้าหมายในการพัฒนาตัวเองชัดเจน ก็น่าจะเหมาะกับการเข้าหาโค้ชเฉพาะทางมากกว่าแน่นอน และบทความนี้จะพูดถึงประเภทของการโค้ชในรูปแบบต่างๆ เผื่อว่าจะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจเมื่อจะเลือกจ้างโค้ชสักคนหนึ่ง

Leadership Coaching
สำหรับหลายๆคนที่ทำงานอยู่ในตำแหน่งที่ต้องบริหารทีม ต้องทำงานเป็นทีมโดยที่ตนเองเป็นหัวของโปรเจค “ภาวะผู้นำ” เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และการจะมีภาวะผู้นำที่ดีมีองค์ประกอบหลายข้อที่ควรต้องพัฒนา Leader ship Coach จะเชี่ยวชาญในการพัฒนาศักยภาพที่จำเป็นเหล่านี้เป็นพิเศษ
พัฒนามุมมองใหม่ๆ
เพราะการเป็นผู้นำ จำเป็นจะต้องมีความสามารถที่จะมองในภาพกว้าง ได้ว่าสิ่งที่ทำจะมีผลจากองค์กรอย่างไร และสามารถเก็บรายละเอียด สามารถอธิบายงานให้ทีมได้อย่างชัดเจน มุมมองใหม่ที่เกิดขึ้นนอกจากมุมมองของตนเองแล้ว ยังมีมุมมองขององค์กรหรือบริษัท และมุมมองของทีมอีกด้วย
รู้ทันตัวเอง และบริหารอารมณ์ในสถานการณ์ต่างๆได้ดีขึ้น
ผู้นำที่ดี จะต้องสามารถควบคุมอารมณ์ให้ได้ในทุกๆสถานการณ์ เพราะการเป็นผู้นำย่อมจะต้องพ่วงมาด้วยการตัดสินใจสำคัญบ่อยครั้ง และถ้าหากปล่อยให้อารมณ์มีผลกับการตัดสินใจคงจะไม่เป็นผลดีแน่นอน เพราะฉะนั้นวิธีการพัฒนาความเป็นเลิศทางอารมณ์ก็คือการรู้ทันตัวเอง Mindfulness นั่นเอง
พัฒนาความสัมพันธ์กับทีม
แน่นอนว่าการเป็นผู้นำจะต้องได้รับความเชื่อใจจากคนในทีม และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีคือส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดความเชื่อใจมากขึ้นได้ ทักษะในการเข้าใจคนในทีม ทักษะการแยกประเภทคน ทักษะการสื่อสาร ทักษะการฟัง ฯลฯ ล้วนแต่เป็นทักษะที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงานได้
Business Coaching
สำหรับผู้ประกอบการทุกท่าน การเติบโตของธุรกิจคือสิ่งที่แทบจะพูดได้เต็มปากว่า เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ Business Coach ไม่ได้มีหน้าที่แค่การวางแผนเพียงอย่างเดียว แต่โค้ชจะอยู่ในการเติบโตทุกช่วงของบริษัทคุณ และคอยเป็นแรงสนับสนุนที่ช่วยให้คุณ และบริษัทของคุณก้าวข้ามชีดจำกัดที่คอยรั้งคุณเอาไว้ ประโยชน์ต่างๆที่สามารถยกมาได้อย่างชัดเจนของการมี Business Coach ก็คือ

- เพิ่มยอดการขาย
แน่นอนว่าทุกธุรกิจต้องการกำไร และการสร้างกำไรบย่อมไม่ได้มีแค่ทางเดียวแน่นอน โค้ชจะช่วยให้คุณมีมุมมองที่กว้างและฉีกออกมาจากเดิม เพราะโค้ชจะไม่ได้มีมุมมองเดียวกันคุณ โค้ชจะสามารถสะท้อนสิ่งที่คุณพูดออกมาในรูปแบบของบุคคลที่สามได้ ทำให้คุณได้แนวคิดใหม่ๆที่จะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มจำนวนหลักของตัวเลขยอดขายคุณได้ในแบบที่คุณคาดไม่ถึงมาก่อน
- สร้างทีมที่แข็งแกร่ง
“แอสการ์ดไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นผู้คน” บริษัทของคุณก็เช่นกัน เพราะทีมที่ดีคือองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้คุณเดินหน้าไปถึงเป้าหมายและอุดมการณ์ขององค์กรได้ การสร้างทีมที่ดีขั้นแรกคือการเลือกสมาชิกที่เหมาะสม แน่นอนว่าบุคลากรคุณภาพมักจะเป็นที่ต้องการและถูกแย่งตัวกันเป็นปกติ ซึ่งฟังดูแล้วการหาคนที่มีคุณภาพคงจะดูเป็นเรื่องยาก แต่ โค้ชจะช่วยให้คุณได้มุมมองในการหาคนที่มีศักยภาพพร้อมที่จะพัฒนา รวมทั้งคอยสนับสนุนคุณในการวางแผนการพัฒนาทีมในหัวข้อต่างๆอีกด้วย
- การรับมือวิกฤต
โลกเปลี่ยนแปลงเสมอ เงื่อนไขในการทำธุรกิจของคุณก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามโลกเช่นกัน การมี โค้ชจะช่วยให้คุณเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ รวมไปถึงการวางแผนกลยุทธ์ในภาวะวิกฤต พร้อมทั้งคอยเติมพลังให้คุณขับเคลื่อนตัวคุณเองและทีมของคุณให้ก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆไปได้
Executive Coaching
Executive Coaching หรือการโค้ชสำหรับผู้บริหาร จะใกล้เคียงกับการทำ Business Coaching จะต่างกันที่ Executive Coach จะเน้นไปที่การเติบโตของธุรกิจเป็นสำคัญ ดังนั้นเป้าหมายหลักๆจะเป็นการสร้างมุมมองใหม่ๆในการวางกลยุทธ์เพื่อพัฒนาธุรกิจต่างๆในพื้นที่การบริหารที่รับผิดชอบ ความแตกต่างที่เกิดขึ้นคือความเข้มข้นของการพัฒนาในหัวข้อที่ตนเองรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น จะทำให้รายละเอียดต่างๆชัดเจนมากขึ้นนั่นเอง
Team Coaching
ถ้าหากว่าคุณอยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ของทีมมากขึ้น Team Coaching จะมีส่วนช่วยในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ที่จะนำไปสู่การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจของทีมได้ เพราะการทำ Team Coaching ส่วนใหญ่จะต้องมีทั้งหัวหน้า ผู้บริหาร และสมาชิกของทีมเข้าร่วมพร้อมๆกัน ซึ่งจำให้เห็นประโยชน์ที่เด่นชัดของการทำ Team Coaching คือ
- การสร้างเป้าหมายร่วมกันของทีม
เพราะกระบวนการนี้ไม่ใช่การรับคำสั่งจากหัวหน้า แต่เป็น การตั้งเป้าหมายร่วมกัน ซึ่งจะทำให้แรงขับเคลื่อนของทีมต่างกันอย่างชัดเจน ในเมื่อทุกคนเห็นว่าเป้าหมายที่ตั้งร่วมกันนี้ให้ประโยชน์กับบริษัทอย่างไร ให้ประโยชน์กับทีมอย่างไร และที่สำคัญคือ ให้ประโยชน์กับตัวเองอย่างไร ดังนั้นการกระทำที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่การทำตามคำสั่ง แต่เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นเพื่อเป้าหมายส่วนตัวด้วย
- พัฒนาการสื่อสารภายในทีม
ใน Session ของ Team Coaching ผู้ที่เข้าร่วมจะต้องมีส่วนในการออกความเห็นทุกคน การสื่อสารที่อาจจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรูปแบบนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทีมของคุณทุกคนได้เริ่มแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยน ซึ่งจะทำให้เกิดการนำเสนอ การแสดงความเห็นเชิงบวก และการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ องค์ประกอบเหล่านี้จะทำให้ทีมของคุณทำงานได้ดีขึ้นอย่างที่คุณอาจจะคิดไม่ถึง เพราะ การสื่อสาร คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้ทีมเป็นหนึ่งเดียวกัน และพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง

Self-Love / Self-Appreciation Coaching
“การรักตัวเอง” น่าจะเป็นหัวข้อที่หลายๆคนให้ความสนใจ แล้วการรักตัวเองคือะไร? การให้รางวัลตัวเองเป็นครั้งคราว? การดูแลสุขภาพ? การเข้าหาสภาพแวดล้อมที่ดี? คำตอบทั้งหมดนี่ถือว่าถูกต้องทั้งหมด แต่ก็ยังเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น แน่นอนว่าการดูแลตัวเองเป็นเรี่องสำคัญ แต่การ “รักตัวเอง” ที่แท้จริงมีความหมายมากกว่าการดูแลตัวเอง
การรักตัวเอง คือการยอมรับในทุกๆด้านที่เป็นตัวของคุณเอง ทั้งยอมรับใน ด้านดี ของตัวเอง และยอมรับใน ด้านแย่ ของตัวเองที่คุณพยายามจะเก็บซ่อนมันเอาไว้ด้วย
Self-Love Coach อาจจะฟังดูเหมือน Life Coach ซึ่งก็ไม่ผิดไปเสียทีเดียว แต่ความแตกต่างหลักๆคือ Life Coach จะช่วยให้คุณสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตคุณในด้านต่างๆ แต่ Self-Love Coach จะช่วยให้คุณเข้าใจด้านต่างๆในตัวคุณมากขึ้น ด้วยการใช้เครื่องมือต่างๆช่วยให้คุณก้าวข้ามอารมณ์ลบ และความเชื่อด้านลบในอดีตที่เหนี่ยวรั้งคุณไว้ และการให้ความหมายกับสิ่งต่างๆในตัวคุณใหม่ ฯลฯ ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้จะทำให้คุณ “รัก” ตัวเองมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแน่นอน
Relationship Coaching
หลายๆคนอาจจะคุ้นเคยกับบริการ “รับปรึกษาปัญหาครอบครัว” ซึ่งก็ใกล้เคียงในแง่ของเป้าหมายในการพัฒนาความสัมพันธ์ของคนสองคน แต่ Relationship Coaching จะแตกต่างตรงที่ โค้ชจะช่วยให้คนสองคนสามารถสื่อการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งสะท้อนมุมมองจากบุคคลที่สามที่คู่รักอาจจะมองไม่เห็นได้ด้วย
- เข้าใจกันมากขึ้น
แต่ละคนมีภาษาในการสื่อสารไม่เหมือนกัน คำว่าภาษาในการสื่อสารในที่นี้ก็เปรียบเทียบได้กับภาษาพูดต่างๆ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ฯลฯ ซึ่งภาษาสื่อสารในที่นี้ก็หมายถึง ภาษาสามี และภาษาภรรยา ในเมื่อภาษาต่างกัน การสื่อสาร การตีความ การให้ความหมายย่อมจะแตกต่างกันเป็นธรรมดา และทำให้เกิดความบกพร่องในการสื่อสารได้ โค้ชจะมีส่วนช่วยให้ทั้งคู่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายนึงสื่อสารมากขึ้น หรือก็คือโค้ชจะช่วยให้แต่ละคนเรียนรู้ภาษาสื่อสารของคู่ตัวเองนั่นเอง
- หาทางออกที่เหมาะสม
ส่วนใหญ่แล้วเมื่อผิดใจกันเพราะความต้องการต่างกัน จะมีความต้องการออกมาสองอย่าง คนหนึ่งอยากได้แบบนี้ อีกคนหนึ่งอยากได้อีกแบบ ถ้าหากว่าสามารถสื่อสารกันได้ดีขึ้นและเกิดการยอมรับ 1 ในสองวิธีนี้ได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ หรือถ้าหากว่าไม่สามารถยอมรับได้ ทางออกที่ดีก็คือการสร้างทางออกหรือข้อตกลงใหม่ที่ทั้งสองคนยอมรับได้ หน้าที่ของโค้ชคือ การสังเกตการสนทนาและสะท้อนมุมมองที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งช่วยสนับสนุนกระบวนการวางแผน ให้เป็นไปได้อย่างราบรื่นด้วย
- รับตัวเองเป็นเหตุ
ในเชิงจิตวิทยาจะมีทฤษฎีหนึ่งที่เรียกว่า Cause / Effect ซึ่งทฤษฎีนี้จะพูดถึง การวางตำแหน่งตัวเอง ที่เป็นต้นเหตุ หรือเป็นผู้ถูกกระทำ การวางตัวเองเป็นต้นเหตุก็คือการยอมรับว่า ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะสามารถจัดการกับมันได้อย่างไรบ้าง ส่วนการเป็นผู้ถูกกระทำจะเป็นการวางตัวเองอยู่ในจุดที่เป็นคนที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของคนอื่นและตัวเองไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งความแตกต่างหลักๆคือ คนที่รับตัวเองเป็น Cause จะควบคุมผลลัพธ์ได้ เพราะพวกเขารู้ว่าเขามีส่วนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร และพวกเขาสามารถเลือกการกระทำเพื่อผลลัพธ์บางอย่างได้ ส่วนคนที่รับตัวเองเป็น Effect จะไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลยเพราะ “คนอื่นเป็นคนทำ” ดังนั้นพวกเขาจะทำได้แค่ต่อว่า และกล่าวโทษคนอื่นที่เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขามีความทุกข์
โค้ชจะช่วยให้คนสองคนเอาตัวเองมาอยู่ในตำแหน่งของ Cause หรือการแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ได้ เน้นว่า “ทั้งสองคน” เท่านั้น เพราะถ้าหนึ่งคนกล้าก้าวออกมารับว่าตัวเองมีส่วนในเหตุกาณ์ทีเกิดขึ้น และอีกคนยังอยู่ในสถานะ Effect หรือผู้ถูกกระทำอยู่ การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นแค่คนที่รับตัวเองเป็น Cause เท่านั้น ซึ่งจะมีผลให้เกิดการตราหน้าว่าคนนี้ “ผิด” คนนี้ “ถูก” แต่การรับเป็น Cause ทั้งสองคนจะทำให้ทั้งคู่มีเป้าหมายและมีการวางแผนร่วมกันว่า พวกเขาทั้งสองคนจะร่วมมือกันทำอะไร เพื่อที่จะควบคุมและเปลี่ยนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ให้เป็นไปในแบบที่พวกเขาต้องการได้

Inspirational Coaching
“แรงบันดาลใจ” สิ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนในชีวิตอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ต่างๆได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะมีแรงบันดาลใจและบ่อยครั้ง คุณอาจจะพบตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ว่า คุณเห็นสิ่งที่คุณต้องการชัดเจน แต่คุณไม่สามารถหา “แรงบันดาลใจ” มาขับเคลื่อนตัวคุณให้สร้างผลลัพธ์นั้นๆได้ ซึ่งปัญหานี้เกิดได้กับทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการที่รู้สึกว่าเดินมาถึงทางตัน ไม่สามารถหาไอเดียหรือแรงบันดาลใจใหม่ๆได้ หรือคุณจะเป็นคนที่อยากจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิต แต่คุณรู้สึกว่าคุณไม่มีเรี่ยวแรงในการทำมัน ฯลฯ
Inspiration Coach จะช่วยให้คุณมีมุมมองใหม่ๆที่คุณอาจจะมองข้ามไปในชีวิตของคุณ ด้วยเครื่องมือและประสบการณ์ โค้ชจะช่วยให้คุณเห็นว่า
– คุณเป็นใคร
– เป้าหมาย หรือจุดมุ่งหมายของชีวิตคุณคืออะไร?
– คุณยืนอยู่ในจุดไหน
– คุณอยากจะทำอะไรเพื่อเป้าหมายของคุณ
ซึ่งหัวข้อเหล่านี้จะทำให้คุณให้ความหมายกับเป้าหมายของคุณได้ชัดเจนและลึกมากยิ่งขึ้น และจะทำให้คุณเจอแรงบันดาลใจใหม่ๆที่คุณตามหา หรืออาจจะเป็นแรงบันดาลใจเดิมที่กลับมามีความหมายในชีวิตคุณ เพื่อที่จะช่วยให้คุณพัฒนาและก้าวไปถึงเป้าหมายชีวิตของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโค้ชเฉพาะทางเท่านั้น นอกจากที่กล่าวมายังมีโค้ชอีกหลายประเภท เช่น Organizational Coaching , Performance Coaching , Empowerment Coaching ฯลฯ แต่สิ่งที่เห็นว่าโค้ชแต่ละด้านมีเหมือนกันคือ การใช้เครื่องมือสนับสนุน Coachee ในการสร้างมุมมองใหม่ๆ ให้ความหมายเรื่องบอกเรื่องใหม่ จัดการอารมณ์ และการสะท้อนมุมมองจากสิ่งที่โค้ชเห็น ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้คือการมีผู้ช่วยที่จะทำให้คุณ “จัดการ” ทุกอย่างที่จำเป็นในเป้าหมายของคุณได้
ดังนั้นถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีเป้าหมาย และต้องการผู้เชี่ยวชาญมาสนับสนุนให้คุณ “จัดการ” กับอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณ คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่กำลังต้องการโค้ชแต่คุณอาจจะยังไม่รู้ตัวในตอนนี้ก็ได้
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line : @LifeEnricher
Facebook: TheLifeEnricher
โทร: 02-017-2758, 094-686-6599