toxic

พูดตรงเท่ากับคนจริงใจ?

Toxic Words จากผู้นำที่ทำให้ทีมงานอยากลาออก!!

       ช่วงนี้หลาย ๆ คน ในสังคมไทยกำลัง แสดงความเห็นกันต่าง ๆ นานา เรื่อง “การพูดตรงเท่ากับเป็นคนจริงใจ” บ้างก็ว่าดี บ้างก็ว่าไม่ดีจริง ๆ แล้ว ในมุมจิตวิทยา การพูดตรง หรือสื่อสารตรงไปตรงมามันสามารถเป็นดาบสองคมได้ มักจะเผลอสร้าง ความ Toxic ออกมาโดยไม่รู้ตัว

       งานวิจัยของต่างประเทศ ทดสอบโดยตามดูพฤติกรรมลูกน้อง ที่มีหัวหน้านิสัยไม่ดี พูดจาแรง วิจารณ์งานให้เกิดความอาย ชอบนินทา และสังเกตพัฒนาการดูว่า ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาคนนี้จะเป็นอย่างไร 

       สรุป ทีมงานคนนั้นไม่มีคุณภาพ เพราะหัวหน้าตอกย้ำในสิ่งแย่ ๆ พูดจาบั่นทอนกำลังใจ และไม่สามารถสอน พัฒนาผลักดันให้ลูกน้องคนนี้ให้เจริญก้าวหน้าได้ ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นอยู่องค์กรของคุณจะรอดได้ไง ?

       ปัจจุบันเทรนด์โลกเปลี่ยนไปเยอะมาก สถานการณ์ไวรัสระบาด ขาดทุนสูงธุรกิจสั่นคลอน เกิดการปรับตัวที่เร็ว ผู้คนต้องทำอะไรเร็วขึ้น และต้องสื่อสารตรงไปตรงมามากขึ้น เพื่อความรวดเร็ว และได้รับคำพูดแย่ ๆ จากหัวหน้างานทุกวัน ๆ เกิดความเครียดมากขึ้น สะสมจะกลายเป็นการ BurnOut และกลายเป็นสาเหตุหลักในการลาออก

      ซึ่งก็มีอีกหลายคนที่หันมาสนใจเรื่องการบำบัดอารมณ์ ความเครียดของตนเองพัฒนา EQ ให้สูงขึ้น ปัจจุบันก็มีหลักสูตรมากมายที่เข้าถึงง่ายมาก และถ้าพูดถึงมุมความจริงใจ จากการพูดตรงลักษณะจะต้องเป็นดังนี้

      การพูดตรง คือ การที่สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาด้วยคำพูดที่สุภาพควบคู่ไปกับภาษากายที่แสดงออกอย่างอ่อนโยน และหวังดีกับผู้ฟังจริง ๆ นั่นถึงจะเป็นผู้ที่สื่อสารตรง ๆ และเป็นคนจริงใจอย่างแท้จริง

บางคนอ้างตนว่าผู้นำที่จริงใจ ไม่มีใครหวังดีเท่าฉัน 

แต่คำพูดที่สื่อสารออกมานั้น คือ คำพูดเหมือนด่าสาดหัว

พูดจาแย่ ภาษากรีดหัวใจ ตรงไปตรงมาแบบไม่มีมารยาท

คือ คนที่ขาดทักษะของ EQ หาที่ระบายคือพูดสิ่งแย่ ๆ ออกมาแบบนี้เรียกว่า คนไม่มีมารยาท

1. แบบไหนถึงจะเป็นผู้ที่ฝึกทักษะ EQ (𝙀𝙢𝙤𝙩𝙞𝙤𝙣𝙖𝙡 𝙌𝙪𝙤𝙩𝙞𝙚𝙣𝙩)

          จะมีลักษณะที่ สื่อสารอย่างละเอียดอ่อน ไม่มีอารมณ์แอบแฝง มีความมืออาชีพสูง EQ คือ ความฉลาดเช่นกันแต่ในหมวดเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก วิธีเข้าสังคม ปฏิบัติตนต่อผู้อื่นและย้ำว่าผู้ที่จะเรียกว่า ตนนั้นเป็นคนจริงใจ ต้องเป็นผู้ที่สื่อสารอย่างมีมารยาทด้วย

2. วิธีเอาชนะ คน Toxic เราต้องมี Empathy

เพราะถ้าถึงจุดที่คุณ Empathy ใส่คนไม่ Empathy ได้ เขาจะตระหนักคิด และอาจจะเริ่มหันมาพูดดีขึ้น สุดท้ายคนที่เจอความท้าทาย และปล่อยวางได้จะเป็นผู้ที่ชนะไป อย่างน้อยแค่เราปล่อยวางและให้อภัยเขา เพราะเขาเองอาจจะโตมาในสังคมแบบที่ใช้ Toxic words สื่อสารกันจนเป็นเรื่องธรรมดา หรือสังคมรอบข้าง ครอบครัวอาจจะหล่อหลอมให้เขาเป็นแบบนี 

สุดท้าย Toxic words ก็แค่เกิดจากความคิด อารมณ์ ออกมาผ่านการสื่อสาร หลัก ๆ คือ การจัดการอารมณ์คนที่จัดการอารมณ์ได้ก็จะเป็นคนที่มีแต่คนรักใคร่และมีความสุขที่สุด และตอนนี้ถ้าคุณกำลังมีความเครียด จากคำพูดคนอื่นหรืออารมณ์ลบที่ต้องเผชิญอยู่ มีอีกหลายวิธีครับ ที่จะให้คุณหลุดพ้นอารมณ์ลบเหล่านั้นได้ และศาสตร์ที่ผู้นำระดับโลก มักนิยมใช้จัดการอารมณ์ลบของตัวเอง และช่วยเหลือทีมงาน คือ การสะกดจิตบำบัด 

สะกดจิตคืออะไร ?

             ก่อนอื่นอยากจะให้ลืมภาพของการสะกดจิตด้วยการแกว่งนาฬิกาไปมาหน้าคนไข้ หรือการใช้ภาพหมุนวนซ้ำ ๆ เพื่อทำให้คนตรงหน้าอยู่ภายใต้การควบคุมหรือคำสั่งของเราได้เลย เพราะการสะกดจิตที่เรากำลังจะพูดถึงกันก็คือ “การสื่อสาร “ กับจิตใต้สำนึกของเราต่างหาก

            เดิมทีแล้วศาสตร์การสะกดจิตในประวัติในอดีตยาวนานมากว่า 5,000 ปี ช่วงนั้นในอียิปต์มีวิหารที่ชื่อว่า Sleeping temple ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เหล่านักบวชพาผู้ป่วยมานอนขอพรจากพระเจ้าให้โรคภัยไข้เจ็บหายไป ในสมัยนั้นไม่มีวิทยาศาสตร์มารับรองการรักษาด้วยวิธีนี้ แต่ในเมื่อวิธีการรักษาลักษณะนี้ถูกใช้อย่างต่อเนื่องในยุคสมัยนั้นได้ แสดงว่าก็ต้องมีคนที่ได้ประโยชน์จากพิธีกรรมการรักษารูปแบบนี้พอสมควร เวลาล่วงเลยมาในอดีตที่ไม่ได้ไกลมากนัก เริ่มมีนายแพทย์ชาวออสเตรียท่านหนึ่งชื่อว่า เมสเมอร์ เริ่มเอาศาสตร์การสะกดจิตบำบัดมาใช้ในทางการแพทย์ แต่การรักษาในลักษณะนี้ก็ไม่ได้คงอยู่นานเท่าไหร่นัก เพราะนายเมสเมอร์ยังไม่สามารถหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายการทำงานของกระบวนการรักษาด้วยการสะกดจิตบำบัดได้

           ในเวลาต่อมา นาย มิลตัน อีริคสัน เริ่มทำการศึกษาและวิจัยการสะกดจิตบำบัดอย่างจริงจัง และเขาได้ผลสรุปออกมาเป็นคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ว่า ความคิดและความเชื่อบางอย่างที่ฝังอยู่ในความทรงจำส่วนลึก หรือที่เราเรียกกันว่า “ จิตใต้สำนึก “ ของมนุษย์นั้น เป็นตัวกำหนดให้มนุษย์มี “ มุมมอง “ ต่อความเป็นจริงของโลกที่แตกต่างกันออกไป และการเปลี่ยนข้อมูลที่ถูกจดจำในจิตใต้สำนึก จะสามารถเปลี่ยนมุมมองของคนหนึ่งคนที่มีต่อโลกได้อย่างมีนัยยะ และเครื่องมือที่สามารถใช้ “ สื่อสาร “ หรือ “ ป้อน “ ข้อมูลเข้าไปในจิตใต้สำนึกของคนเราได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างหนึ่งก็คือ การสะกดจิตบำบัดนั่นเอง ซึ่งความลับของการสะกดจิตบำบัดก็คือ เทคนิคการทำให้ร่างกายผ่อนคลายด้วยการปรับคลื่นสมอง ยิ่งคลื่นสมองวิ่งช้าลง ต่ำลง เราจะเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น และเมื่อเราผ่อนคลายจนอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น เราจะอยู่ในสภาวะที่พร้อมสำหรับการสื่อสารหรือป้อนข้อมูลให้กับจิตใต้สำนึกของเราได้นั่นเอง

 

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line : @LifeEnricher

Facebook: TheLifeEnricher

โทร: 02-017-2758, 094-686-6599

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า